ปรับขนาดตัวอักษร

| |
  

ปลึง (ขวัญ-เขมร)

ภาค : อีสาน

ปลึง (ขวัญ-เขมร)

     ปลึง เป็นภาษาเขมร แปลว่า ขวัญ อาศัยอยู่กับจิตใจของคนชาวเขมร-ส่วย เชื่อว่าในจิตใจของคนจะมีปลึงอยู่ ๑๙ ดวง ทำให้จิตใจปกติ มีความสุขสดใส ถ้าหากเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้คนนั้นตกใจ หวาดกลัว หรือหวาดผวา ก็จะทำให้"ละลัวะปลึง" (ขวัญขาดพร่องจำนวนไป) หรือ "บัดปลึง" (ขวัญหายหรือขวัญไม่อยู่กับเนื้อกับตัว) จำเป็นต้องทำพิธี "เฮาปลึง" (เรียกขวัญ) หรือ หากปลึงนั้นถูกคนมีเวทมนตร์สวด สูบเอาปลึงไปทำคุณไสย หรือภูตผีมาจับเอาปลึงไปทำร้ายกักขัง ก็ต้องทำพิธี "ยัวปลึง" (เอาขวัญคืนมา)

     ปลึง นอกจากจะมีในมนุษย์แล้ว ในสิ่งอื่น ๆ ก็อาจจะมี เช่น ในข้าวเปลือก จึงเกิดพิธี "เฮาปลึง สเริ็ว" (เรียกขวัญข้าวเปลือก) เป็นต้น

     คนที่ "ละลัวะปลึง" หรือ "บัดปลึง" มักจะมีอาการอิดโรย ซูบซีด ไม่มีแรง กินไม่อร่อย นอนไม่หลับ ไม่มีชีวิตชีวา แม้กายมิได้แตกดับ แต่จิตใจดับสลายแล้ว เพราะปลึงได้ออกจากร่างไปแล้ว เสมือนยามหลับที่เราฝันไป ชาวเขมรก็เรียกว่า ปลึงได้ไปเที่ยวโดยออกจากร่างไป แต่ปลึงก็กลับมาเมื่อตื่น แต่คนที่ "ละลัวะปลึง" หรือ "บัดปลึง" จะต้องทำพิธี "เฮาปลึง" (เรียกขวัญหรือสู่ขวัญ)

     ใน พิธีเฮาปลึง ก็จะมีสำรับประกอบพิธี เรียก "บายปลึง" (ข้าวขวัญ) ประกอบด้วย ข้าวสวย ไข่ไก่ต้ม น้ำตาลปึก (น้ำอ้อย) น้ำมะพร้าวอ่อน และเนื้อมะพร้าวอ่อน และมีด้ายสำหรับผูกข้อมือเจ้าของปลึง ด้ายนี้ชุบน้ำขมิ้นให้เหลืองเปรียบเสมือนเป็นเส้นลวดทองคำ บทสวดในพิธีเป็นภาษาเขมร ดังนี้

     อำเมาะแบยตะไซนิ ดูจ เจีย ลู เมียะ

     เลิกเลิงกระเวียะ

     กำจัดเมียร แจ็ง บันแดงเมียรโตว

     เมียร เอย กม โนว อัญนึงจองได

แปลว่า

     ด้ายสามเส้นนี้ดังว่าเป็นลวดทองคำ

     ยกขึ้นกวัดแกว่ง

     กำจัดมารออกไป ไล่มารหนี

     มารเอยอย่าอยู่เลย ข้าจะผูกแขน

     จากนั้นก็จะนำด้าย ๑๙ เส้น รวบเข้าด้วยกัน แล้วคลึงเรียกขวัญ (เฮาปลึง) ที่ข้อมือของคนไข้ ครั้งที่ ๑ ก็นับหนึ่ง ครั้งที่ ๒ ก็นับ สอง จนกระทั่งถึง ๑๙ ครั้ง แล้วร้องว่า "ปรำ บูน ตะนอบ สอบ กรบ โมเวย ปลึง ปเลียะ โมเวย ปลึง ปเลียะ ๆ" (๑๙ ครั้ง ครบถ้วน มาเถิดขวัญเอย ๆ) แล้วก็ผูกแขนด้วยด้ายเหล่านี้ เป็นเสร็จพิธี

เรียกขวัญทั่วไป

     ในพิธีบวชนาค มีการเฮาปลึงเนียก (สู่ขวัญนาค) และการโกนจุก จะมีพิธีที่พิสดารกว่า ส่วนพิธีอย่างอื่น เช่น การแต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ ส่งลูกไปเป็นทหาร รับลูกจากการเป็นทหาร รับขวัญลูกหลานที่จากไปไกลนาน ๆ เป็นต้น มักจะไม่มีการสวดสู่ขวัญ หรือสวดเฮาปลึง มีเพียงด้ายผูกแขนและเรียกขวัญ ด้วยถ้อยคำสั้น ๆ แสดงความรักความห่วงใยเท่านั้น

     พิธีเฮาปลึงอีกอย่างหนึ่ง เรียกว่า "ออยตาหมอเฒ่าโตวยัวปลึง" (ให้ตาหมอเฒ่าไปเอาขวัญ) พิธีนี้ใช้ในกรณีคนเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อย หมดแรง อิดโรย อ่อนเพลีย กินไม่ได้นอนไม่หลับ ผอมซูบซีด เครื่องพิธีเฮาปลึง คือ กรวยดอกไม้ ๒ กรวย หมากคำหนึ่ง น้ำกระบอกหนึ่ง (มักใช้ก้านมะละกอใส่น้ำผูกเชือกทำสายสะพาย) ห่อข้าวปลา ธูปเทียนอย่างละคู่ ในตอนเย็นก็นำเครื่องพิธีเหล่านี้ ไปวางที่ตาหมอเฒ่า คือ หินก้อนเส้า (อาจจะเป็นหินศิลาแลง หินกรวด หรือดินแข็งเป็นก้อนเส้า ที่เป็นที่หุงข้าว ต้มแกง) วางกรวยดอกไม้แล้วกล่าวว่า ทราบว่าคุณหมอเฒ่ามีความเก่งกล้าไม่มีใครเทียบได้ ตอนนี้ลูกหลานขวัญหาย ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจึงมาขอพึ่งพาคุณตา ให้ช่วยไปตามปลึง เอามาให้ด้วย ลูกหลานได้ห่อข้าวปลาอาหาร น้ำและหมากพลูให้แล้วเพื่อเป็นเสบียงในการเดินทางติดตามเอาปลึงกลับคืนมาแล้วก็พูดเองเออเองว่า เออตาจะช่วยไปเอามาให้ จากนั้นก็ใช้ไม้ตอกก้อนเส้าให้แตกออกสักนิดหนึ่ง นำมาห่อชายผ้าขาวม้าพร้อมหมากพลูและด้ายผูกแขน เอามาแขวนไว้ที่บนหัวนอน ๓ คืน ในระหว่างนี้ผู้ป่วยนอนหลับ ก็มักจะฝันว่า ได้เดินไปในป่าเขาไปที่ทุรกันดาร หลงทาง หาทางกลับไม่พบ และอาจมีการผจญภัยที่น่ากลัวต่าง ๆ ถ้าเป็นเช่นนี้แสดงว่า ปลึง(ขวัญ) ยังไม่กลับมา ต้องบนบานตาหมอเฒ่าอีกจนกระทั่งฝันว่ากลับมาบ้านแล้ว เมื่อตื่นขึ้นแม้จะเป็นกลางดึก เขาก็จะปลุกกันมาผูกแขนรับขวัญ

กวักขวัญ

     พิธีเฮาปลึงอีกอย่างหนึ่ง เรียกว่า "บอยปลึง" (กวักเรียกขวัญ) เครื่องพิธีมีกระบุงหรือกระเชอดวงข้าว ๑ ใบ ทะนาน ๑ ทะนาน กระจ่าหรือจวัก ๑ อัน อาหารหวานคาว ๑ สำรับ กรวย ๕ กรวย ธูปเทียนอย่างละ ๑ คู่ หมาก ๕ คำ บุหรี่ ๕ มวน สุราขาว ๑ ขวด ข้าวปั้น ๑๙ ปั้น ด้ายผูกแขน ๑ ชุด (๑๙ เส้น) ให้นำดอกไม้ ธูปเทียน สำรับอาหาร สุราไปเซ่นให้วิญญาณ "เนียะตา" หรือปู่ย่าตาทวดที่ล่วงลับไปแล้ว ว่าขอให้ช่วยไปตามปลึงที่หายไปนั้นกลับคืนมาด้วย เมื่อเซ่นไหว้เสร็จแล้ว ก็เอาก้อนข้าวปั้นใส่ในกระบุงหรือกระเชอเดินออกไปนอกบ้านผู้ป่วย ประมาณ ๕๐๐ เมตร โยนข้าวปั้น ๑ ก้อนออกไป แล้วมือหนึ่งถือกระจ่า อีกมือหนึ่งถือทะนานมือถือกระจ่ากวักเรียกชื่อคนไข้ สมมติคนไข้ชื่อนางตาก็เรียกว่า "เนียงตาเอ้ยโมเนะ" (นางตาเอ้ยจงมา) เรียกซ้ำแล้วซ้ำอีก มือที่ถือกระจ่าก็กวักไปรอบ ๘ ทิศ ประมาณ ๑๙ ครั้ง แล้วก็ทำทีหยิบอะไรอย่างหนึ่ง จากทะนานมาใส่กระบุง เสมือนเก็บเอาปลึงมาใส่ไว้ แล้วก็ถอยมาสู่บ้านเรื่อย ๆ และโยนข้าวปั้นทีละก้อน กระทั่งหมดข้าวปั้น ๑๙ ก้อน ก็ถึงบ้านคนป่วยพอดี แล้วก็บอกว่า ปลึงกลับมาแล้วและพากันขึ้นบ้านไปผูกแขนสู่ขวัญคนป่วย เป็นอันเสร็จพิธี จากนั้นก็รอดูการฝันของคนป่วย ว่าจะฝันอย่างไร ถ้าฝันว่าอยู่ในบ้าน ก็แปลว่า ปลึงกลับคืนมาแล้ว ถ้าฝันว่าเที่ยวระเห็จเตร็ดเตร่ ก็ให้ทำพิธี "บอยปลึง" อีก ก็ทำใหม่สองสามครั้งหมอพิธี (คนกวักปลึง) ผู้ทำพิธีกับผู้ป่วยรายแรกหายจากเจ็บไข้ได้ ถือว่าเป็นผู้มีความสามารถกวักเรียกปลึงได้ ก็จะมีคนเชิญไปทำเรื่อย ๆ และถ้าทำแล้วคนไข้รายแรกไม่ดีขึ้น ถือว่าไม่มีความสามารถ จะตั้งตัวเป็นคนกวักปลึงไม่ได้เลย

ช้อนขวัญ

     พิธีเฮาปลึงอีกอย่างหนึ่งที่เก่าแก่มาก คือ "อันเจือดปลึง" (ช้อนขวัญ) พิธีนี้ก็มีการเซ่นไหว้ "เนียะตา" ให้ปู่ย่าตายายช่วยไปตามปลึงเช่นเดียวกัน แต่ใช้อุปกรณ์ คือ "ซะเนียง" (ชนาง) สานด้วยไม้ไผ่รูปทรงคล้ายปุ้งกี๋แต่ส่วนก้นลึกกว่า สำหรับช้อนปลา และมีถัง ๑ ใบ คนที่ช้อนปลึงจะใช้ชะเนียงทำท่าทีช้อนไปตามรอบ ๆ รั้ว เรียกชื่อคนป่วยไปเรื่อย ๆ ทำไปนานสักครู่ใหญ่ ๆ ก็หยิบเอาแมลงตัวเล็ก ๆ เช่น แมงมุมหรือมดใส่ลงในถัง แล้วบอกว่า ปลึงที่หายไปนั้น หาพบแล้ว จากนั้นก็นำมาที่บ้าน ทำการผูกแขน เรียกขวัญผู้ป่วย เป็นอันเสร็จพิธี และก็คอยดูความฝันของผู้ป่วยอีกเช่นกัน

     ความเชื่อของชาวเขมร-ส่วย เรื่องปลึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ถือว่าสุขภาพดีหรือไม่ดีนั้น ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับปลึง ปลึงเป็นส่วนที่คนจะสูบเอาไปทำคุณไสย หรือไสยศาสตร์ให้เจ็บป่วยได้ และภูตผีก็สามารถจับเอาปลึงไปทำร้ายได้ ซึ่งจะส่งผลสะท้อนมาสู่สุขภาพของเจ้าของปลึงอีกเช่นกัน มนต์บทต่อไปนี้ใช้สวดสะเดาะเคราะห์ เพื่อปลดปล่อยปลึงที่ถูกจับไปทำคุณไสย เป็นมนต์สูบขวัญ ซึ่งแสดงถึงความเชื่อของชาวเขมร-ส่วยได้อย่างดี มนต์มีดังนี้

          ออม โสรบ มหา โสรบ เติบ กรู เปรอ อัญ โสรบ

          โอม สูบมหาสูบ ครูจึงใช้ให้กูสูบ

ปลึง ตูจ เอย อำปี กำปูล พนม

          ขวัญเล็กจากยอดภูเขา

          เติบ กรู เปรอ อัญ โสรบ ปลึง ธม เอย

          ครูจึงใช้ให้กูสูบขวัญใหญ่ เอย     

          กี ยัว โต็ว ตุก ดอย เดิม เฌอ ธม

          ที่เขาเอาไปไว้ในต้นไม้ใหญ่

          เติบ กรู เปรอ อัญ โสรบ ปลึง เนียะ นิ เอย

          ครูจึงใช้ให้กูสูบขวัญคนผู้นี้ เอย

          กี ยัว โต็ว ตุก ดอย อารักษ์ นุ พอง         

          เขาเอาไปไว้ที่อารักษ์ (ผีป่า) นั้นด้วย          

          เติบ กรู เปรอ อัญ โสรบ ปลึง อำปี เปรย          

          ครูจึงใช้กูให้สูบขวัญออกจากป่า          

          เติบ กรู เปรอ อัญ โสรบ ปลึง อำปี อารักษ์ อำปี ทมบ        

          ครูจึงใช้ให้กูสูบขวัญจากผีป่า จากปอบ

          เติบ กรู เปรอ อัญ โสรบ ปลึง อำปี กีก็อบ

          ครูจึงใช้กูสูบขวัญจากที่เขาฝังไว้          

          สัน ทบ โน็ว ทมอ มหา สิลา         

          ที่เขาขังไว้ในหินมหาศิลา

          เติบ กรู เปรอ อัญ โสรบ ปลึง

          ครูจึงใช้ให้กูสูบเอาขวัญ          

          กี ยัว โต็ว ก็อบ โน็ว มหาปฐพี          

          ที่เขาเอาไปฝังไว้ในมหาปฐพี          

          เติบ กรู เปรอ อัญ โสรบ ปลึง     

          ครูจึงใช้กูให้สูบเอาขวัญ         

          กี ยัว โต็ว ก็อบ โน็ว พเลิว ขมอจ       

          ที่เขาฝังไว้ตรงทางผี          

          เติบ กรู เปรอ อัญ โสรบ ปลึง      

          ครูจึงใช้กูให้สูบขวัญ       

          กี ยัว โต็ว ก็อบ เปียะ กน็อง ชนังบาย ทะแม็ย  

          ที่เขาเอาไปฝังไว้ในหม้อใบใหม่

         เติบ กรู เปรอ อัญ โสรบ ปลึง

          ครูจึงใช้กูให้สูบขวัญ 

          กี ยัว โต็ว ตุก โน็ว เมือด สะตึง เมือด เบิง         

          ที่เขาเอาไปไว้ที่ฝั่งแม่น้ำฝั่งบึง          

           เติบ กรู เปรอ อัญ โสรบ ปลึง

           ครูจึงใช้กูให้สูบขวัญ

กี ยัว โต็ว ตุกโน็ว อารักษ์ดำโมก แฮง ทมอ ดาร      

          ที่เขาเอาไปไว้ที่ผีป่าในจอมปลวกแห้งหินดาร  

          เติบ กรู เปรอ อัญ โสรบ ปลึง          

           ครูจึงใช้ให้กูตามสูบขวัญ                              

          กี ยัว โต็ว ก็อบ โน็ว ร็วน กดาม   

           ที่เขาเอาไปฝังไว้ในรูปู

           เติบ กรู เปรอ อัญ ตาม โสรบ ปลึง           

           ครูจึงใช้ให้กูตามสูบขวัญ                              

           อำปี ก็วง เกีย มหา สะม็อด

           จากคงคามหาสมุทร

           แหต นิ เปรียะ ม็วน อัญ ช็อด โสรบ

           ด้วยเหตุนี้พระมนต์กูขลังสูบ

           ปลึง เตียง ๑๙ กรุบ โน็ว รูป นิ แอง หอง

           ขวัญทั้ง ๑๙ ครบสู่รูป (คือร่างกาย) นี้แล

           เตียง ปลึง มะยีเมียเยีย กี ยัว โต็ว ตุก

           ทั้งขวัญมายีมายา ที่เขาเอาไปไว้

           ดอย อารักษ์ จำการ์ ส็อบ สถาน เนียเนีย

           โดยผีป่าในไร่ ในทุกสถานนานา

           กี ยัว โต็ว ตุก ดอย ภูมิ แสร นุ พอง

           เขาเอาไปไว้ในที่นานั้นด้วย

           เติบ กรู เปรอ อัญ โสรบ ปลึง

           ครูจึงใช้ให้กูสูบขวัญ

           เตียง อำปี เมือด กู กระแบ็ย เมือด แตร็ย

           ทั้งจากปากโค กระบือ ปากปลา

           ส็อบ สัตว์ อำมะเริก บักแส็ย ขแลง สราก

           สรรพสัตว์มฤค ปักษี นกแสก

           ตีตุย มีม อูลอ เติบ กรู เปรอ อัญ โสรบ ปลึง

           นกทึดทือ นกฮูก นกเค้าแมว ครูจึงใช้กูให้สูบขวัญ

           เนียะ ดอ เมียน จำงือ ด็อมกัด นุ หอง

           ผู้ซึ่งมีการเจ็บป่วยนั้นแล

           ออม สิทธี สวาหะ

           โอมสิทธิสวาหะ

           สดับ บังเกือบ อัญ เจีย กรูบาเธยียฯ

           ฟังคำบัญชาของกูผู้เป็นครูบาธะยายฯ

มงกุฎ แก่นเดียว เรียบเรียง


บายปลึง

 



ผูกข้อมือ (จองได)

 



บายปลึง (ข้าวขวัญ) รักษาคนป่วย

 



บายปลึง