เชียงแหว, เมือง ดูที่ กุมภวาปี, เมือง
โชคชัย, อำเภอ
ที่ตั้ง
อำเภอโชคชัย เป็นอำเภอชั้น ๑ ในจำนวน ๒๔ อำเภอ และ ๓ กิ่งอำเภอของจังหวัดนครราชสีมา อยู่ห่างจากอำเภอเมืองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ตามทางหลวงหมายเลข ๒๒๔ (นครราชสีมา-โชคชัย) เป็นระยะทาง ๓๐กิโลเมตร หรืออยู่ระหว่างเส้นรุ้งที่ ๑๔ องศา ๓๓ ลิปดา-๑๔ องศา ๔๖ ลิปดาเหนือ เส้นแวงที่ ๑๐๒ องศา 5 ลิปดา-๑๐๒ องศา ๑๗ ลิปดาตะวันออก
อาณาเขต
อำเภอโชคชัย มีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอต่างๆ ของ จังหวัดนครราชสีมา คือ
ทิศเหนือ จดเขตอำเภอจักราช และอำเภอเมือง นครราชสีมา
ทิศใต้ จดเขตอำเภอครบุรี
ทิศตะวันออก จดเขตอำเภอหนองบุนนาก
ทิศตะวันตก จดเขตอำเภอปักธงชัยอำเภอโชคชัยมีพื้นที่ทั้งหมด ๔๐๓.๔๑๗ ตารางกิโลเมตร มีพื้นที่มากเป็นอันดับที่ ๑๘ ของจังหวัด นครราชสีมา
ลักษณะทางกายภาพ
ภูมิประเทศ แบ่งออกเป็น ๒ ลักษณะคือ เขตที่สูงทางตะวันออก เป็นที่ราบสูง ภูเขาเก่าตลอดแนวเขตแดนกับอำเภอหนองบุนนาก ความสูงเฉลี่ยประมาณ ๒๗๕ เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง และ ลุ่มแม่น้ำทางด้านตะวันตกซึ่งยาวขนานกับที่สูงทางตะวันออกตลอดแนว ความสูงเฉลี่ยประมาณ ๑๘๕ เมตรจากระดับน้ำทะเล และพื้นที่จะค่อยๆสูงขึ้นทางด้านตะวันตกเขตติดต่อกับอำเภอปักธงชัย
ภูมิอากาศ คล้ายคลึงกับอำเภออื่นๆ ในเขตจังหวัดนครราชสีมา คือ มี ๓ ฤดู ฤดูร้อน อากาศร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุดประมาณ ๔๐ องศาเซลเซียส ฤดูหนาว อากาศหนาวจัดอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ ๑๒ องศาเซลเซียส ในฤดูฝนฝนจะตกชุกในเดือนกันยายน ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยประมาณ๑,๐๐๐ มิลลิเมตรต่อปี
ทรัพยากร
ดิน ในเขตอำเภอโชคชัยมีกลุ่มดินที่สำคัญอยู่ ๒ กลุ่ม คือ กลุ่มดินนาในเขตที่ราบลุ่มน้ำมูล และกลุ่มดินไร่ระดับดีในเขตที่สูงทางตะวันตกและตะวันออกของอำเภอ กลุ่มดินที่สำคัญอีกชนิดหนึ่ง คือ "กลุ่มดินเหนียวแดง" ซึ่งพบมากในเขตบ้านด่านเกวียน นับว่าเป็นทรัพยากรดินที่สำคัญ ใช้ในการอุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผาที่มีชื่อเสียงของอำเภอโชคชัย
น้ำ แหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญได้แก่
๑) ลำน้ำมูล ซึ่งไหลผ่านตอนกลางของอำเภอ จากทิศใต้ตลอดจนถึงทิศเหนือ ทำให้บริเวณตอนกลางของอำเภอเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ เป็นแหล่งผลิตข้าวที่สำคัญ ลุ่มน้ำมูลในเขตอำเภอโชคชัย มีความยาวประมาณ ๓๐ กิโลเมตร
๒) ลำพระเพลิง เป็นสาขาลำน้ำมูล เกิดจากเขตกิ่งอำเภอวังน้ำเขียว ไหลผ่านอำเภอปักธงชัยเข้ามายังเขตอำเภอโชคชัย และมารวมกับแม่น้ำมูลที่บ้านโนนเพชร และมีลำสาขาของลำพระเพลิงอีกหลายสาย เช่น ลำสำรวย ลำเชียงสาเป็นต้น
๓) บึงพระ เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ เป็นที่ลุ่มน้ำท่วมของลำน้ำมูลและโกรกหว้า เป็นหนองบึงที่เป็นแหล่งทรัพยากรสัตว์และพืชน้ำที่สำคัญของอำเภอโชคชัย
ป่าไม้ ส่วนใหญ่เป็นป่าเบญจพรรณ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้และตะวันออกของอำเภอ ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ประดู่มะค่า เต็ง รัง เป็นต้น เนื่องจากถูกแผ้วถางเพื่อการทำไร่เป็นจำนวนมาก ปัจจุบันจึงเหลือพื้นที่ป่าไม่มากนัก ป่าสงวนแห่งชาติที่สำคัญ ได้แก่
๑) ป่าสงวนแห่งชาติโชคชัยมีเนื้อที่ประมาณ ๑๘,๕๒๕ ไร่
๒) ป่าสงวนแห่งชาติปักธงชัย-โชคชัยมีพื้นที่ประมาณ ๗๘,๗๕๐ ไร่
๓) ป่าดงอีจานใหญ่มีพื้นที่ประมาณ ๖0๕,๑๘๗ ไร่
ประวัติความเป็นมา
ในช่วงปลายกรุงศรีอยุธยา เมืองนครราชสีมาอ่อนแอลงเนื่องจากถูกตัดทอนกำลังในสมัยพระเพทราชาขึ้นครองราชย์เจ้าเมืองนครราชสีมาไม่อ่อนน้อม จึงถูกปราบปรามและลดความสำคัญลง เมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก พ.ศ.๒๓๑๐ ผู้นำคนไทยหลายแห่งได้ตั้งตัวเป็นอิสระหลายกลุ่ม ซึ่งเรียกกันว่าก๊ก เช่น ก๊กพิษณุโลก ก๊กพระฝาง ก๊กเจ้าตาก ก๊กเจ้านคร และก๊กเจ้าพิมาย ก๊กเจ้าตากยึดเอาเมืองธนบุรีเป็นที่ตั้ง เมื่อต่อสู้ชนะพม่าได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหา-กษัตริย์ ทรงพระนามว่า สมเด็จพระเพทราชาที่ ๔ แต่ราษฎรทั่วไปเรียกว่า สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
พระเจ้ากรุงธนบุรียกทัพไปปราบก๊กเจ้าพิมายเมื่อ พ.ศ.๒๓๑๑ โดยยกกำลังเป็น ๒ ทาง พระองค์เองยกมาทางด่านจอหอและโปรดเกล้าฯ ให้พระมหามนตรีกับพระราชวรินทร์ยกกำลังเข้าทางด่านกระโทก กรมหมื่นเทพพิพิธเจ้าเมืองพิมายก็ให้กองกำลังทัพออกมาต่อต้านทั้งสองด่านแต่สู้กำลังของกรุงธนบุรีไม่ได้ พระยาวรวงศาธิราช ซึ่งเป็นแม่ทัพที่ด่านกระโทกได้หนีไปเขมร
ด่านกระโทกยังเป็นด่านสำคัญตลอดสมัยกรุงธนบุรี
และสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น จนถึงสมัยรัชกาลที่ ๕ มีการ
ออกพระราชบัญญัติปกครองท้องที่ เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๐ (ร.ศ.๑๑๖)
ด่านกระโทกมีฐานะเป็นแขวง ขึ้นกับเมืองปักธงชัย
พ.ศ.๒๔๔๘ ยกฐานะขึ้นเป็นอำเภอ เรียก "อำเภอกระโทก"
พ.ศ.๒๕๕๐ แยกตำบลจระเข้หิน ตำบลสระตะเคียนและตำบลแซะ เป็น "กิ่งอำเภอแซะ"
พ.ศ.๒๔๘๘ เปลี่ยนชื่อเป็น "อำเภอโชคชัย" ตามรัฐนิยม
พ.ศ.๒๕๒๖ แยกตำบลหนองบุนนากขึ้นเป็น "กิ่ง-อำเภอหนองบุนนาก" ปัจจุบัน ที่ว่าการอำเภอตั้งอยู่ในเขตสุขาภิบาลโชคชัยริมทางหลวงจังหวัดหมายเลข ๒๐๗๑(โชคชัย-ครบุรี)
การปกครองและประชากร
การปกครองส่วนภูมิภาค แบ่งออกเป็น ๑๐ ตำบล ๑๑๙ หมู่บ้าน ๑๕,๗๙๐ ครัวเรือน มีประชากรทั้งสิ้น๗๐,๒๕๑คน เป็นชาย ๓๔,๔๔๙คน และหญิงการปกครองส่วนท้องถิ่น มีสุขาภิบาล ๒ แห่งคือสุขาภิบาลโชคชัย และสุขาภิบาลด่านเกวียน(กรมการปกครอง ธันวาคม ๒๕๓๘)
อาชีพประชากร
การเกษตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ ดังนั้นอาชีพหลักของประชากรจึงประกอบอาชีพเกษตรกรรมโดยเฉพาะการทำนา ซึ่งอาศัยน้ำจากโครงการเขื่อนลำพระเพลิงและในปี พ.ศ.๒๕๔๑ จะได้รับน้ำจาก โครงการเขื่อนมูลบนและเขื่อนลำแซะ อีกด้วย ข้าวที่ปลูกเป็นข้าวเจ้า ผลผลิตต่อไร่ประมาณ ๔๗๘ กิโลกรัม พืชไร่ที่นิยมปลูกคือมันสำปะหลัง การเลี้ยงปศุสัตว์มีน้อย
การอุตสาหกรรม การอุตสาหกรรมทั่วไป ได้แก่ โรงไม่หิน อุตสาหกรรมดูดทราย อุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังและโรงสีข้าว อุตสาหกรรมในครัวเรือนที่สำคัญ ได้แก่
- การทำเครื่องปั้นดินเผาที่บ้านด่านเกวียน ตำบลด่านเกวียน
- การทำเครื่องทองเหลืองที่บ้านหนองไผ่ ตำบลโชคชัยการพาณิชยกรรม ในเขตสุขาภิบาลประกอบอาชีพทางพาณิชยกรรม ได้แก่
ธนาคารพาณิชย์ ๓ แห่ง
บริษัทและห้างหุ้นส่วนจำกัด ๒๐ แห่ง
ร้านค้าและบริการ ๑๑๐ แห่ง
สถานีบริการน้ำมันมาตรฐาน ๔ แห่ง
การท่องเที่ยว
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของอำเภอโชคชัยที่สำคัญที่สุดและสร้างรายได้ให้แก่อำเภอโชคชัย ได้แก่ "บ้านด่านเกวียน" ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่ขึ้นชื่อที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศแวะเวียนเข้ามาชมและซื้อเครื่องปั้นดินเผาเป็นจำนวนมาก
บ้านด่านเกวียน หมู่ที่ ๑ ตำบลด่านเกวียน อำเภอโชคชัย ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข ๒๒๔ (นครราชสีมาโชคชัย) ห่างจากตัวเมืองนครราชสีมาไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ ๑๔ กิโลเมตร เมื่อผ่านหมู่บ้านจะพบเครื่องปั้นดินเผารูปแบบต่างๆ วางเรียงรายอยู่ข้างถนน และภายในร้านทั่วไป
นอกจากด่านเกวียนแล้ว ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี ได้แก่ ปรางค์ปะโค หรือพะโค เป็นโบราณสถานแบบขอมศิลปะสมัยบาปวน เป็นปราสาท ๒ หลังล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วและคูน้ำรูปเกือกม้าตั้งอยู่ที่บ้านปะโค ตำบลกระโทก ห่างจากอำเภอโชคชัยไปทางตะวันออกเฉียงใต้ตามทางหลวงหมายเลข ๒๒๔ ประมาณ๔ กิโลเมตร
การบริการพื้นฐาน
การคมนาคม
มีทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๒๔ (นครราชสีมาเดชอุดม) ผ่านเป็นระยะทาง ๓๕ กิโลเมตร และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๔ (สีคิ้ว-วารินชำราบ) ผ่านไปยังอำเภอและจังหวัดใกล้เคียง
สาธารณสุขและสาธารณูปโภค
โรงพยาบาลขนาด ๑๐ ๑๐ เตียง ๑ แห่ง
สถานีอนามัยขนาด ๑ เตียง ๙ แห่ง
สำนักงานผดุงครรภ์ ๑ แห่ง
การประปาส่วนภูมิภาค ๑ แห่ง
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ๑ แห่ง
การโทรศัพท์ ๑ แห่ง
การไปรษณีย์โทรเลข ๑ แห่ง
การรักษาความสงบและปลอดภัย
มีสถานีตำรวจภูธรอำเภอ ๑ แห่ง และสถานีตำรวจ ภูธรตำบล ๒ แห่ง
การศึกษาและศาสนา
โรงเรียนสังกัดกรมสามัญฯ ๒ โรง
โรงเรียนสังกัด สปช. ๖๔ โรง
โรงเรียนสังกัด สช. ๑ โรง
วัดในพุทธศาสนา ๓๕ วัด
สำนักสงฆ์ ๑๐ แห่ง
ขนบธรรมเนียมประเพณี
ประชากรที่อาศัยอยู่ในอำเภอโชคชัย ส่วนใหญ่เป็นคนพื้นถิ่นโคราช ดังนั้นขนบธรรมเนียมประเพณีและภาษาพูดจึงเป็นแบบ "ไทยโคราช" ทั่วไป นามสกุลของประชาชนในเขตอำเภอโชคชัยจะพิเศษกว่าที่อื่นๆ คือจะลงท้ายด้วยคำว่า "กระโทก" ตามชื่ออำเภอเดิม (พ.ศ.๒๔๔๔-๒๔๘๘)และตั้งเรียงตามตัวอักษรจาก "ก-ฮ" ถ้าหมู่บ้านใดอยู่ใกล้อำเภอจะขึ้นต้นด้วยอักษร ก. และจะไล่เรียงลำดับไปจนถึงอักษร ฮ. จะอยู่ไกลอำเภอที่สุด การตั้งนามสกุลเช่นนี้มีเหตุผลว่าสะดวกในการปกครองท้องที่ตัวอย่างนามสกุลที่ลงท้ายด้วย "กระโทก" มีจำนวนมาก เช่น กิ่งกระโทกกอลกระโทก กำกระโทก เขียนกระโทก ครีบกระโทกจุ้ยกระโทก จิบกระโทก ชุ่มกระโทก ดีกระโทก โตกระโทกป้องกระโทก เพิ่มกระโทก มองกระโทก ฯลฯ
จันทน์แดง คำลือหาญ เรียบเรียง