ศาสนสถานและศาลสิ่งศักดิ์สิทธิ์

14 แห่ง

ผลการค้นหา : 14 แห่ง

วัดเกาะ อำเภอเมืองสมุทรสาคร

วัดเกาะ เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีนฝั่งทิศตะวันตก บริเวณที่เป็นหัวคุ้ง ระหว่างปากคลองเกาะ (อยู่ทางทิศใต้ของวัด) และปากคลองอำแพง (อยู่ทางทิศเหนือของวัด) ข้อมูลจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระบุว่าสร้างในปี พ.ศ. 2318 (สมัยธนบุรี) ข้อมูลจากหนังสือประวัติวัดในจังหวัดสมุทรสาคร (ฝ่ายมหานิกาย) ระบุว่าสร้างในปี พ.ศ.2247 (สมัยอยุธยา) (นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ และปัณวัฒน์ ผ่องจิต 2559 : 112)ส่วนเอกสารของสำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี (2553) ระบุว่าวัดเกาะสร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ.2247 ไม่ปรากฏนามผู้สร้าง แต่สันนิษฐานว่าผู้สร้างเป็นชาวจีน เนื่องจากบริเวณที่ตั้งวัดเดิมเป็นที่อยู่อาศัยของชาวจีนเป็นส่วนใหญ่ ต่อมาสมัยกรุงธนบุรีชาวมอญได้อพยพหนีภัยสงครามจากพม่า ซึ่งเข้ายึดครองเมืองหงสาวดี เมืองหลวงของมอญ มาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทย เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณบ้านเกาะ ได้ร่วมแรงร่วมใจกันซ่อมแซมวัดเกาะขึ้นใน พ.ศ.2325 เพื่อเป็นศูนย์กลางชุมชน (คณะสงฆ์จังหวัดสมุทรสาคร 2534 : 91) ได้รับพระราชทานวิสุงคามสมาเมื่อ พ.ศ.2385 จนถึงปัจจุบัน วัดเกาะมีเจ้าอาวาสสืบต่อกันมาแล้ว 9 รูป รูปปัจจุบันคือ พระครูสาครสารโสภณ (ตนฺติปาโล) และอาจนับได้ว่าเป็นวัดมอญที่เก่าแก่ที่สุดในอำเภอเมืองสมุทรสาครทั้งนี้ ข้อมูลจากการศึกษาขององค์ บรรจุน (2550) อธิบายว่าชาวมอญจากพม่าอพยพเข้ามาอยู่ในสยามตั้งแต่สมัยอยุธยา และเป็นกลุ่มคนที่มีบทบาทสำคัญในการเป็นแรงงานภาคเกษตรกรรม การก่อสร้างและทำงานให้กับเจ้าขุนมูลนายในระบบศักดินา  ในพื้นที่สมุทรสาคร ชาวมอญเข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณวัดเกาะ ซึ่งก่อสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2318 (สมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี)  ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ชาวมอญอพยพเข้ามาในสยามเป็นจำนวนมาก ซึ่งมอญกลุ่มใหญ่จะเข้าไปอาศัยในสามโคก ปากเกร็ดและพระประแดง   ส่วนการเข้ามาอาศัยอยู่ในวัดเกาะ เป็นการเข้ามาของมอญกลุ่มเล็ก  ซึ่งตั้งรกรากกระจัดกระจายอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน  ลูกหลานชาวมอญวัดเกาะค่อยๆขยายตัวออกไปตั้งรกรากในบริเวณใกล้เคียง ได้แก่ เขตวัดบางปลา วัดพันธุวงษ์ วัดศิริมงคล และวัดคลองครุ นอกจากนั้น องค์ บรรจุน (2550) ยังอธิบายว่าชุมชนมอญบริเวณวัดเกาะ กับมอญบริเวณคลองสุนัขหอนเป็นมอญคนละกลุ่มที่อพยพเข้ามาในเวลาที่ต่างกัน   เนื่องจากชาวมอญวัดเกาะมีญาติพี่น้องอยู่ที่บ้านกะมาวัก เมืองมะละแหม่ง ซึ่งมีวัฒนธรรมร่วมกันคือการนับถือผีภายในตระกูล และสืบทอดผ่านทางลูกชายคนเล็ก ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ที่ต่างจากมอญในที่อื่นๆซึ่งสืบทอดการนับถือผีผ่านลูกชายคนโต ชาวมอญที่วัดเกาะมีการสืบทอดการนับถือผีตระกูลผ่านลูกชายคนเล็กนายบรรยี ร้อยอำแพง ชาวมอญอาวุโส และเป็นไวยาวัจกรของวัดเกาะ ให้ข้อมูลสภาพความเป็นอยู่ของชาวมอญวัดเกาะในสมัยก่อนว่า “ประวัติความเป็นมาของมอญมีมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี มาตั้งหลักปักฐานอยู่ที่นี่ แล้วก็สร้างวัดเกาะ มอญที่นี่ ทำอาชีพอยู่ 2 อย่าง อาชีพทำนา ทำจากและป่าฟืน ฟืนทำมาจากการบูร สะแก โกงกาง สมัยก่อนไม่มีสวน สวนเพิ่งมีขึ้น ฉันเป็นคนเริ่มทำก่อนเพื่อน แต่ก่อนนั่นเป็นป่าจากทั้งหมด ฉันเป็นคนทำสวนก่อนเพื่อน เมื่อพ.ศ 2495 เอามะพร้าวมาปลูก แล้วฉันออกจากโรงเรียนก็มาปลูกมะพร้าว ก็ถางป่าจาก ป่าฟืน ใช้จอบ พลั่ว มอญที่นี่อยู่ในกะลาครอบ พูดไทยไม่เป็น หมู่บ้านมอญก็มอญ หมู่บ้านไทยก็ไทย มันห่างกันมาก มีแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ไปมา เพราะว่าการไปมาเมื่อก่อนต้องไปกับผู้หลักผู้ใหญ่ เด็กจะไปด้วยตนเองไม่ได้ เพราะเป็นป่า ถ้าใช้เรือเด็กก็แจวเรือไม่เป็น สมัยก่อนคนมอญที่นี่ เวลาเข้าโรงเรียนต้องบังคับ ต้องพูดไทย” (สัมภาษณ์ 16 ธันวาคม 2558) (นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ และปัณวัฒน์ ผ่องจิต 2559 : 94)ในขณะที่หญิงชาวมอญวัย 60 ปี ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเขตวัดเกาะว่า “เขาบอกว่าชุมชนตรงโค้งวัดเกาะมันเป็นแหลมออกไป มันเป็นเหมือนกับเกาะ มอญอยู่กันเป็นกลุ่ม เป็นชุมชนมอญ คืออยู่ตามชายตลิ่ง เป็นชุมชนใหญ่ของมอญ  ชาวมอญที่อพยพมาทางน้ำมาสร้างวัดเกาะ มาหลังๆ พอมีครอบครัวก็ขยับขยายกระจายออกไป (นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ และปัณวัฒน์ ผ่องจิต 2559 : 95)โบราณสถานภายในวัดเกาะได้รับการขึ้นทะเบียนโบราณสถานของกรมศิลปากร โดยสิ่งสำคัญภายในวัดเกาะ (สำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี 2553) ได้แก่อุโบสถ (หลังเก่า) เป็นอุโบสถหลังที่ 2 ของวัดเกาะ ในสมัยพระอธิการสอน เป็นเจ้าอาวาส (พ.ศ.2454-2462) โดยท่านเห็นว่าอุโบสถหลังเก่านั้นชำรุดทรุดโทรมมาก จึงได้ร่วมกับชาวบ้านเกาะรื้ออุโบสถหลังเก่า แล้วสร้างขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ.2459 แต่ยังไม่แล้วเสร็จก็มรณภาพเสียก่อน การก่อสร้างอุโบสถมาแล้วเสร็จในสมัยพระครูกร่าง รมมโณ เจ้าอาวาสองค์ที่ 8 (พ.ศ.2463-2505) ลักษณะอุโบสถที่ก่อสร้างขึ้นใหม่ เป็นอุโบสถก่ออิฐถือปูนทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคาเครื่องไม้ทรงจั่วลดชั้น 2 ชั้น มุงกระเบื้องดินเผา ซ้อนกันชั้นละ 2 ตับ เครื่องลำยองช่อฟ้าใบระกาหางหงส์ไม้แกะสลักประดับกระจก หน้าบันทั้งสองด้านเป็นรูปเทพนม ประดับตกแต่งด้วยลายก้านขด ด้านล่างมีลายกระจังและประจำยามรองรับ หน้าบันปีกนกเป็นรูปหงส์อัญเชิญฉัตรสามชั้นไว้บนหลัง ประดับด้วยลายดอกไม้ มีสาหร่ายรวงผึ้งด้านล่าง ด้านหหน้าและด้านหลังอุโบสถมีมุขลดด้านละ 1 ห้อง ด้านข้างมีชายคาปีกนกคลุมทั้ง 2 ด้าน รองรับโครงหลังคาด้วยเสาก่ออิฐถือปูนรูปสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ หัวเสามีบัวหัวเสาปูนปั้นทาสีประดับ มีระเบียงทางเดินรอบอาคาร ผนังก่ออิฐถือปูนตั้งอยู่บนฐานบัว ด้านหน้ามีประตูทางเข้า 2 ประตู ซุ้มประตูเป็นรูปสามเหลี่ยม ผนังด้านหลังมีประตูหลอกอยู่ตรงกลาง 1 ประตู ผนังด้านข้างมีหน้าต่างด้านละ 5 ช่อง บานประตูมีหน้าต่างเป็นไม้เรียบนอกเหนือจากพระประธานภายในอุโบสถหลังเก่าที่เป็นที่เคารพสักการะโดยทั่วไปแล้ว ภายในอุโบสถยังประดิษฐาน "หลวงพ่อเกาะเพชร" เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ มีเรื่องเล่าว่าเคยขับเรือหางยาวแล้วมาล่มที่หน้าวัด พ่อ แม่ และพี่สาวว่ายน้ำเป็น แต่น้องชายอายุหนึ่งขวบกว่าว่ายน้ำไม่เป็น แต่น้องชายที่แขวนหลวงพ่อเกาะเพชรไม่จมน้ำ เหรียญหลวงพ่อเกาะเพชรสร้างรุ่นแรกใน พ.ศ.2513 และมีการสร้างต่อมาอีกหลายรุ่น นอกจากนั้น ด้านหน้าโบสถ์มีบ่อน้ำทิพย์ ท่านพระครูสาครสารโสภณ เจ้าอาวาสวัดเกาะ นิมิตว่า มีองค์บอกว่าที่หน้าอุโบสถมีน้ำมนต์ ให้ไปขุด นำมาใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ หรือนำไปอาบกินเพื่อเป็นสิริมงคล  ในปี 2546 จึงทำการขุดลึกลงไป 40 เซนติเมตร ก็พบน้ำ ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นน้ำมนต์ จึงตักไปอาบเพื่อเป็นศิริมงคล ใบเสมาและซุ้มเสมา ซุ้มเสมาประธานหน้าอุโบสถ ก่ออิฐถือปูนทรงมณฑปสี่เหลี่ยมตั้งอยู่บนฐานบัว ส่วนยอดเป็นชุดบัวคลุ่มเถา ซุ้มเสมารองเป็นฐานสี่เหลี่ยมรองรับดอกบัวกลม ด้านบนประดิษฐานใบเสมา ใบเสมาทำจากหินแกรนิตโกลนอย่างหยาบ ๆ เจดีย์ทรงระฆัง ตั้งอยู่ด้านหน้าอุโบสถจำนวน 2 องค์ ตามประวัติวัดกล่าวว่า สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 พระอธิการเดิมยาง (พ.ศ.2358-2397) ลักษณะเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทรงระฆัง ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมมีระเบียงล้อมรอบระเบียงประดับด้วยกระเบื้องเคลือบปรุรูปหกเหลี่ยมแบบจีน ฐานเจดีย์เป็นฐานหน้ากระดานในผังกลมและมาลัยเถา 3 ชั้น ปากระฆังมีลวดลายปูนปั้นตกแต่ง องค์ระฆังกลม ส่วนยอดเป็นบัลลังก์สี่เหลี่ยมและเสาหานรองรับปล้องไฉน ตามรูปแบบสถาปัตยกรรมเจดีย์สมัยรัชกาลที่ 4 เจดีย์มอญ ตั้งอยู่หน้าอุโบสถ ตามประวัติกล่าวว่าสร้างในสมัยพระอธิการพระครูกร่าง รมมโณ (พ.ศ.2463-2505) เจ้าอาวาสรูปที่ 8 ได้ร่วมกับชาวบ้านสร้างเจดีย์มอญขนาดใหญ่ขึ้นไว้หน้าอุโบสถ ลักษณะเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทรงระฆังกลม ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม โดยที่กึ่งกลางฐานแต่ละด้านเป็นซุ้มโค้ง ภายในมีรูปเทวดาปูนปั้น ที่มุมทั้งสี่มุมเป็นรูปครุฑ ฐานเจดีย์เป็นฐานหน้ากระดานกลมรองรับบัวถลา 5 ชั้นและลวดบัว องค์ระฆังกลม ส่วนยอดมีบัลลังก์สี่เหลี่ยม ประดับลวดลายปูนปั้นรองรับปล้องไฉนขนาดใหญ่และเม็ดน้ำค้างบนยอดสุดมีฉัตรโลหะปักเก๋งจีนบุรรจุอัฐิ ตั้งอยู่ด้านข้างเจดีย์ ลักษณะเป็นเก๋งจีน ก่ออิฐถือปูนขนาดเล็ก หลังคาทึบซ้อนกัน 2 ชั้น หน้าบันมีลวดลายปูนปั้นขนาดเล็กทาสี หนังด้านตะวันออกมีช่องสี่เหลี่ยมเสาหงส์ เดิมตั้งอยู่ด้านหน้าวัด ปัจจุบันได้ถูกรื้อลงแล้ว ลักษณะเป็นเสาไม้สูงรูปทรงแปดเหลี่ยม หัวเสาตกแต่งเป็นหัวเม็ด มีเสาประกบด้านข้างทั้งสองด้าน มีจำนวน 2 ต้น ต้นแรกบนสุดเป็นรูปช้างไม้ 4 หัว ต้นที่สองเป็นรูปม้าสำริด 4 หัวในวันสำคัญทางศาสนา ชาวมอญจะไปทำบุญ พังเทศน์ ฟังธรรมที่วัดเสมอ กิจกรรมทางศาสนาจะเป็นกิจกรรมที่สร้างจิตสำนึกทางสังคม กิจกรรมทางศาสนาที่สำคัญได้แก่ วันออกพรรษา ที่จะมีเทศน์ตั้งแต่วันขึ้น 13 ค่ำ ส่วน 14 ค่ำ คือวันโกน 15 ค่ำคือวันพระ และแรม 1 ค่ำ แรม 2 ค่ำ เทศน์รวม 5 วัน ส่วนประเพณีออกพรรษา คือวันพระ ขึ้น 15 ค่ำ บ่ายโมง พระก็จะจับคู่กัน แล้วเอาผ้าอาบมาจับเหมือนเปล พระสองรูปก็จะเดินไปตามถนน เดินเข้าโบสถ์ ระหว่างทางเดินสองข้างทาง โยมก็จะมีดอกไม้ธูปเทียน กาน้ำ กระป๋องน้ำ เอาธูปเทียนใส่เปลพระ เอาน้ำล้างเท้าพระ ตลอดไปถึงโบสถ์ พอพระเข้าโบสถ์ก็เอาดอกไม้ธูปเทียนออกถวายพระ ทำวัตรเสร็จ ก็ปวารณาออกพรรษา ส่วนเทศน์มหาชาติมีทั้งหมด 13 กัณฑ์ วันหนึ่งเทศน์ 1-3 กัณฑ์ โดยชาวบ้านจะผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพ

วัดเกาะ อำเภอเมืองสมุทรสาคร

วัดเกาะ เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีนฝั่งทิศตะวันตก บริเวณที่เป็นหัวคุ้ง ระหว่างปากคลองเกาะ (อยู่ทางทิศใต้ของวัด) และปากคลองอำแพง (อยู่ทางทิศเหนือของวัด) ข้อมูลจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระบุว่าสร้างในปี พ.ศ. 2318 (สมัยธนบุรี) ข้อมูลจากหนังสือประวัติวัดในจังหวัดสมุทรสาคร (ฝ่ายมหานิกาย) ระบุว่าสร้างในปี พ.ศ.2247 (สมัยอยุธยา) (นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ และปัณวัฒน์ ผ่องจิต 2559 : 112)ส่วนเอกสารของสำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี (2553) ระบุว่าวัดเกาะสร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ.2247 ไม่ปรากฏนามผู้สร้าง แต่สันนิษฐานว่าผู้สร้างเป็นชาวจีน เนื่องจากบริเวณที่ตั้งวัดเดิมเป็นที่อยู่อาศัยของชาวจีนเป็นส่วนใหญ่ ต่อมาสมัยกรุงธนบุรีชาวมอญได้อพยพหนีภัยสงครามจากพม่า ซึ่งเข้ายึดครองเมืองหงสาวดี เมืองหลวงของมอญ มาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทย เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณบ้านเกาะ ได้ร่วมแรงร่วมใจกันซ่อมแซมวัดเกาะขึ้นใน พ.ศ.2325 เพื่อเป็นศูนย์กลางชุมชน (คณะสงฆ์จังหวัดสมุทรสาคร 2534 : 91) ได้รับพระราชทานวิสุงคามสมาเมื่อ พ.ศ.2385 จนถึงปัจจุบัน วัดเกาะมีเจ้าอาวาสสืบต่อกันมาแล้ว 9 รูป รูปปัจจุบันคือ พระครูสาครสารโสภณ (ตนฺติปาโล) และอาจนับได้ว่าเป็นวัดมอญที่เก่าแก่ที่สุดในอำเภอเมืองสมุทรสาครทั้งนี้ ข้อมูลจากการศึกษาขององค์ บรรจุน (2550) อธิบายว่าชาวมอญจากพม่าอพยพเข้ามาอยู่ในสยามตั้งแต่สมัยอยุธยา และเป็นกลุ่มคนที่มีบทบาทสำคัญในการเป็นแรงงานภาคเกษตรกรรม การก่อสร้างและทำงานให้กับเจ้าขุนมูลนายในระบบศักดินา  ในพื้นที่สมุทรสาคร ชาวมอญเข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณวัดเกาะ ซึ่งก่อสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2318 (สมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี)  ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ชาวมอญอพยพเข้ามาในสยามเป็นจำนวนมาก ซึ่งมอญกลุ่มใหญ่จะเข้าไปอาศัยในสามโคก ปากเกร็ดและพระประแดง   ส่วนการเข้ามาอาศัยอยู่ในวัดเกาะ เป็นการเข้ามาของมอญกลุ่มเล็ก  ซึ่งตั้งรกรากกระจัดกระจายอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน  ลูกหลานชาวมอญวัดเกาะค่อยๆขยายตัวออกไปตั้งรกรากในบริเวณใกล้เคียง ได้แก่ เขตวัดบางปลา วัดพันธุวงษ์ วัดศิริมงคล และวัดคลองครุ นอกจากนั้น องค์ บรรจุน (2550) ยังอธิบายว่าชุมชนมอญบริเวณวัดเกาะ กับมอญบริเวณคลองสุนัขหอนเป็นมอญคนละกลุ่มที่อพยพเข้ามาในเวลาที่ต่างกัน   เนื่องจากชาวมอญวัดเกาะมีญาติพี่น้องอยู่ที่บ้านกะมาวัก เมืองมะละแหม่ง ซึ่งมีวัฒนธรรมร่วมกันคือการนับถือผีภายในตระกูล และสืบทอดผ่านทางลูกชายคนเล็ก ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ที่ต่างจากมอญในที่อื่นๆซึ่งสืบทอดการนับถือผีผ่านลูกชายคนโต ชาวมอญที่วัดเกาะมีการสืบทอดการนับถือผีตระกูลผ่านลูกชายคนเล็กนายบรรยี ร้อยอำแพง ชาวมอญอาวุโส และเป็นไวยาวัจกรของวัดเกาะ ให้ข้อมูลสภาพความเป็นอยู่ของชาวมอญวัดเกาะในสมัยก่อนว่า “ประวัติความเป็นมาของมอญมีมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี มาตั้งหลักปักฐานอยู่ที่นี่ แล้วก็สร้างวัดเกาะ มอญที่นี่ ทำอาชีพอยู่ 2 อย่าง อาชีพทำนา ทำจากและป่าฟืน ฟืนทำมาจากการบูร สะแก โกงกาง สมัยก่อนไม่มีสวน สวนเพิ่งมีขึ้น ฉันเป็นคนเริ่มทำก่อนเพื่อน แต่ก่อนนั่นเป็นป่าจากทั้งหมด ฉันเป็นคนทำสวนก่อนเพื่อน เมื่อพ.ศ 2495 เอามะพร้าวมาปลูก แล้วฉันออกจากโรงเรียนก็มาปลูกมะพร้าว ก็ถางป่าจาก ป่าฟืน ใช้จอบ พลั่ว มอญที่นี่อยู่ในกะลาครอบ พูดไทยไม่เป็น หมู่บ้านมอญก็มอญ หมู่บ้านไทยก็ไทย มันห่างกันมาก มีแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ไปมา เพราะว่าการไปมาเมื่อก่อนต้องไปกับผู้หลักผู้ใหญ่ เด็กจะไปด้วยตนเองไม่ได้ เพราะเป็นป่า ถ้าใช้เรือเด็กก็แจวเรือไม่เป็น สมัยก่อนคนมอญที่นี่ เวลาเข้าโรงเรียนต้องบังคับ ต้องพูดไทย” (สัมภาษณ์ 16 ธันวาคม 2558) (นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ และปัณวัฒน์ ผ่องจิต 2559 : 94)ในขณะที่หญิงชาวมอญวัย 60 ปี ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเขตวัดเกาะว่า “เขาบอกว่าชุมชนตรงโค้งวัดเกาะมันเป็นแหลมออกไป มันเป็นเหมือนกับเกาะ มอญอยู่กันเป็นกลุ่ม เป็นชุมชนมอญ คืออยู่ตามชายตลิ่ง เป็นชุมชนใหญ่ของมอญ  ชาวมอญที่อพยพมาทางน้ำมาสร้างวัดเกาะ มาหลังๆ พอมีครอบครัวก็ขยับขยายกระจายออกไป (นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ และปัณวัฒน์ ผ่องจิต 2559 : 95)โบราณสถานภายในวัดเกาะได้รับการขึ้นทะเบียนโบราณสถานของกรมศิลปากร โดยสิ่งสำคัญภายในวัดเกาะ (สำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี 2553) ได้แก่อุโบสถ (หลังเก่า) เป็นอุโบสถหลังที่ 2 ของวัดเกาะ ในสมัยพระอธิการสอน เป็นเจ้าอาวาส (พ.ศ.2454-2462) โดยท่านเห็นว่าอุโบสถหลังเก่านั้นชำรุดทรุดโทรมมาก จึงได้ร่วมกับชาวบ้านเกาะรื้ออุโบสถหลังเก่า แล้วสร้างขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ.2459 แต่ยังไม่แล้วเสร็จก็มรณภาพเสียก่อน การก่อสร้างอุโบสถมาแล้วเสร็จในสมัยพระครูกร่าง รมมโณ เจ้าอาวาสองค์ที่ 8 (พ.ศ.2463-2505) ลักษณะอุโบสถที่ก่อสร้างขึ้นใหม่ เป็นอุโบสถก่ออิฐถือปูนทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคาเครื่องไม้ทรงจั่วลดชั้น 2 ชั้น มุงกระเบื้องดินเผา ซ้อนกันชั้นละ 2 ตับ เครื่องลำยองช่อฟ้าใบระกาหางหงส์ไม้แกะสลักประดับกระจก หน้าบันทั้งสองด้านเป็นรูปเทพนม ประดับตกแต่งด้วยลายก้านขด ด้านล่างมีลายกระจังและประจำยามรองรับ หน้าบันปีกนกเป็นรูปหงส์อัญเชิญฉัตรสามชั้นไว้บนหลัง ประดับด้วยลายดอกไม้ มีสาหร่ายรวงผึ้งด้านล่าง ด้านหหน้าและด้านหลังอุโบสถมีมุขลดด้านละ 1 ห้อง ด้านข้างมีชายคาปีกนกคลุมทั้ง 2 ด้าน รองรับโครงหลังคาด้วยเสาก่ออิฐถือปูนรูปสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ หัวเสามีบัวหัวเสาปูนปั้นทาสีประดับ มีระเบียงทางเดินรอบอาคาร ผนังก่ออิฐถือปูนตั้งอยู่บนฐานบัว ด้านหน้ามีประตูทางเข้า 2 ประตู ซุ้มประตูเป็นรูปสามเหลี่ยม ผนังด้านหลังมีประตูหลอกอยู่ตรงกลาง 1 ประตู ผนังด้านข้างมีหน้าต่างด้านละ 5 ช่อง บานประตูมีหน้าต่างเป็นไม้เรียบนอกเหนือจากพระประธานภายในอุโบสถหลังเก่าที่เป็นที่เคารพสักการะโดยทั่วไปแล้ว ภายในอุโบสถยังประดิษฐาน "หลวงพ่อเกาะเพชร" เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ มีเรื่องเล่าว่าเคยขับเรือหางยาวแล้วมาล่มที่หน้าวัด พ่อ แม่ และพี่สาวว่ายน้ำเป็น แต่น้องชายอายุหนึ่งขวบกว่าว่ายน้ำไม่เป็น แต่น้องชายที่แขวนหลวงพ่อเกาะเพชรไม่จมน้ำ เหรียญหลวงพ่อเกาะเพชรสร้างรุ่นแรกใน พ.ศ.2513 และมีการสร้างต่อมาอีกหลายรุ่น นอกจากนั้น ด้านหน้าโบสถ์มีบ่อน้ำทิพย์ ท่านพระครูสาครสารโสภณ เจ้าอาวาสวัดเกาะ นิมิตว่า มีองค์บอกว่าที่หน้าอุโบสถมีน้ำมนต์ ให้ไปขุด นำมาใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ หรือนำไปอาบกินเพื่อเป็นสิริมงคล  ในปี 2546 จึงทำการขุดลึกลงไป 40 เซนติเมตร ก็พบน้ำ ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นน้ำมนต์ จึงตักไปอาบเพื่อเป็นศิริมงคล ใบเสมาและซุ้มเสมา ซุ้มเสมาประธานหน้าอุโบสถ ก่ออิฐถือปูนทรงมณฑปสี่เหลี่ยมตั้งอยู่บนฐานบัว ส่วนยอดเป็นชุดบัวคลุ่มเถา ซุ้มเสมารองเป็นฐานสี่เหลี่ยมรองรับดอกบัวกลม ด้านบนประดิษฐานใบเสมา ใบเสมาทำจากหินแกรนิตโกลนอย่างหยาบ ๆ เจดีย์ทรงระฆัง ตั้งอยู่ด้านหน้าอุโบสถจำนวน 2 องค์ ตามประวัติวัดกล่าวว่า สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 พระอธิการเดิมยาง (พ.ศ.2358-2397) ลักษณะเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทรงระฆัง ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมมีระเบียงล้อมรอบระเบียงประดับด้วยกระเบื้องเคลือบปรุรูปหกเหลี่ยมแบบจีน ฐานเจดีย์เป็นฐานหน้ากระดานในผังกลมและมาลัยเถา 3 ชั้น ปากระฆังมีลวดลายปูนปั้นตกแต่ง องค์ระฆังกลม ส่วนยอดเป็นบัลลังก์สี่เหลี่ยมและเสาหานรองรับปล้องไฉน ตามรูปแบบสถาปัตยกรรมเจดีย์สมัยรัชกาลที่ 4 เจดีย์มอญ ตั้งอยู่หน้าอุโบสถ ตามประวัติกล่าวว่าสร้างในสมัยพระอธิการพระครูกร่าง รมมโณ (พ.ศ.2463-2505) เจ้าอาวาสรูปที่ 8 ได้ร่วมกับชาวบ้านสร้างเจดีย์มอญขนาดใหญ่ขึ้นไว้หน้าอุโบสถ ลักษณะเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทรงระฆังกลม ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม โดยที่กึ่งกลางฐานแต่ละด้านเป็นซุ้มโค้ง ภายในมีรูปเทวดาปูนปั้น ที่มุมทั้งสี่มุมเป็นรูปครุฑ ฐานเจดีย์เป็นฐานหน้ากระดานกลมรองรับบัวถลา 5 ชั้นและลวดบัว องค์ระฆังกลม ส่วนยอดมีบัลลังก์สี่เหลี่ยม ประดับลวดลายปูนปั้นรองรับปล้องไฉนขนาดใหญ่และเม็ดน้ำค้างบนยอดสุดมีฉัตรโลหะปักเก๋งจีนบุรรจุอัฐิ ตั้งอยู่ด้านข้างเจดีย์ ลักษณะเป็นเก๋งจีน ก่ออิฐถือปูนขนาดเล็ก หลังคาทึบซ้อนกัน 2 ชั้น หน้าบันมีลวดลายปูนปั้นขนาดเล็กทาสี หนังด้านตะวันออกมีช่องสี่เหลี่ยมเสาหงส์ เดิมตั้งอยู่ด้านหน้าวัด ปัจจุบันได้ถูกรื้อลงแล้ว ลักษณะเป็นเสาไม้สูงรูปทรงแปดเหลี่ยม หัวเสาตกแต่งเป็นหัวเม็ด มีเสาประกบด้านข้างทั้งสองด้าน มีจำนวน 2 ต้น ต้นแรกบนสุดเป็นรูปช้างไม้ 4 หัว ต้นที่สองเป็นรูปม้าสำริด 4 หัวในวันสำคัญทางศาสนา ชาวมอญจะไปทำบุญ พังเทศน์ ฟังธรรมที่วัดเสมอ กิจกรรมทางศาสนาจะเป็นกิจกรรมที่สร้างจิตสำนึกทางสังคม กิจกรรมทางศาสนาที่สำคัญได้แก่ วันออกพรรษา ที่จะมีเทศน์ตั้งแต่วันขึ้น 13 ค่ำ ส่วน 14 ค่ำ คือวันโกน 15 ค่ำคือวันพระ และแรม 1 ค่ำ แรม 2 ค่ำ เทศน์รวม 5 วัน ส่วนประเพณีออกพรรษา คือวันพระ ขึ้น 15 ค่ำ บ่ายโมง พระก็จะจับคู่กัน แล้วเอาผ้าอาบมาจับเหมือนเปล พระสองรูปก็จะเดินไปตามถนน เดินเข้าโบสถ์ ระหว่างทางเดินสองข้างทาง โยมก็จะมีดอกไม้ธูปเทียน กาน้ำ กระป๋องน้ำ เอาธูปเทียนใส่เปลพระ เอาน้ำล้างเท้าพระ ตลอดไปถึงโบสถ์ พอพระเข้าโบสถ์ก็เอาดอกไม้ธูปเทียนออกถวายพระ ทำวัตรเสร็จ ก็ปวารณาออกพรรษา ส่วนเทศน์มหาชาติมีทั้งหมด 13 กัณฑ์ วันหนึ่งเทศน์ 1-3 กัณฑ์ โดยชาวบ้านจะผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพ

ศาลพ่อปู่คลองตาปลั่ง อำเภอบ้านแพ้ว

ศาลพ่อปู่คลองตาปลั่ง ตั้งอยู่ริมคลองตาปลั่ง ต.บ้านแพ้ว ซึ่งเป็นชุมชนชาวมอญ เป็นศาลสองศาลอยู่คู่กัน สร้างเมื่อใดไม่ปรากฏ ลักษณะศาลเป็นศาลาทรงไทยหน้าจั่ว แต่ละศาลกว้างประมาณ 1 เมตร สภาพปัจจุบันค่อนข้างรกไม่เป็นระเบียบ ภายในศาลมีพระพุทธรูป รูปปั้นช้าง รูปปั้นรัชกาลที่ 5 รูปปั้นงู

ศาลพ่อปู่เทพา อำเภอบ้านแพ้ว

ศาลพ่อปู่เทพาตั้งอยู่ในวัดราษฎร์ศรัทธากะยาราม ตำบลหลักสาม ซึ่งเป็นชุมชนชาวมอญ ลักษณะศาลสร้างด้วยไม้สักทรงไทย ยกพื้นสูงประมาณ 2 เมตร มีบันไดพาดด้านหน้า บนศาลมีรูปปั้นพ่อปู่โพกผ้าสีแดง วางอยู่บนแท่นบูชา รวมทั้งรูปเคารพอื่นๆ เช่น รูปปั้นเทวดา พระพิฆเนศ พระพรหม กุมารทอง ฯลฯ ชาวบ้านมักจะมากราบไหว้เพื่อขอโชคลาภแต่เดิมศาลพ่อปู่เทพาตั้งที่อยู่ริมคลองดำเนินสะดวก แล้วย้ายมาสร้างใหม่ข้างโบสถ์เก่าของวัดราษฎร์ศรัทธากะยาราม มีเรื่องเล่าว่า เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ศรัทธากะยารามองค์เก่าไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีสางเทวดา จึงสั่งให้เผาศาลทิ้ง จนทำให้เจ้าอาวาสมีอันเป็นไปและมรณภาพลง  เจ้าอาวาสองค์ใหม่จึงสร้างศาลขึ้นมาใหม่ (หลังปัจจุบัน) ในปี พ.ศ.2545  อยู่บริเวณข้างเมรุเผาศพ  เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ศรัทธากะยาราม เล่าประวัติของศาลพ่อปู่เทพาว่า “ตอนนั้นฉันซ่อมโบถส์เก่า เป็นไม้สักทั้งหมดเลย จะทำใหม่แล้วยกดีดขึ้นมาเป็นสองชั้น เผอิญว่าศาลมันอยู่ข้างๆโบถส์เก่า มันเกิดที่เขา เราก็จะขยายทำบ่อล้อมรอบ ศาลดั้งเดิมก็เป็นศาลไม้เล็กไม่ใหญ่ ทีนี้เขาก็รู้เข้า ก็เข้าร่างโยม ก็มาเรียกเราไป ก็ปูอาสนะให้เรานั่ง เราก็ถามว่า ปะโหนก ฉันจะทำโบถส์ให้ดีขึ้น ซ่อมให้ดีขึ้น แล้วก็เป็นสองชั้น เขาก็บอกว่า ท่านย้ายฉันมา 5 ครั้งแล้ว เผามาแล้ว 1 ครั้ง เราก็บอกว่าย้ายมาตั้งแต่รุ่นไหน ฉันไม่ได้เป็นคนย้าย เพราะแต่ก่อนเขาอยู่ริมคลอง แล้วมัคทายกเก่าๆก็ย้ายมา แล้วมีเจ้าอาวาสองค์ที่ 4 หลวงพ่อต่วน เจอศาลเจ้าที่ไหนเฮี้ยนๆ ท่านให้ลูกศิษย์ประชุมเพลิงซะ เผาเลย สมาธิท่านแกร่งกล้า ไม่มีปัญหา ทีนี้มันมีปัญหาคือที่วัด คงจะให้ลูกศิษย์ไปเผา มันมีหมูตายอยู่ตัวหนึ่ง ฉันก็ยังเกิดไม่ทันนะ ก่อนปี 2500  ก็หมูมันหล่นมาเจอเรือโยงก็เอามาเลี้ยง ตอนหลังมันตาย หลวงพ่อก็เลยให้เผาหมูด้วย เผาศาลด้วย ลูกศิษย์ตายไป 2 คน แล้วตอนหลังท่านก็พลาดพลั้งป่วย เขาก็เล่นงาน  พ่อปู่ก็เอาจนตายเหมือนกัน  ร่างทรงก็บอกว่า เนี่ยเผาชั้นมาแล้วครั้งหนึ่ง เราก็บอกว่าเราไม่ได้เป็นคนเผา คนที่เผาเขาตายไปหมดแล้ว ยังจะมาเอาเวรเอากรรมกันอีกหรือ เขาบอกว่าเขาไม่ยอม เขาอยู่มาเป็นพันปี   เราก็ถามว่าอยู่เป็นพันปีนี่อยู่ที่ไหน เขาก็บอกว่าอยู่บนยอดหญ้า มันก็มีเทวดาบนยอดหญ้า พระอานนท์เกิดเป็นเทวดาบนยอดหญ้า อยู่วิมานบนยอดหญ้า ก็ตรงกับพระสูติ ฉันก็เลยบอกว่าเดี๋ยวจะทำการย้ายให้ใหม่ จะขอใช้ที่ เขาก็บอกว่าไม่ว่าหรอกนะถ้าย้ายใหม่ แต่ขอเป็นไม้สักทั้งหลัง เราก็ทำให้ละกัน คนเขามาขอหวยกันบ่อย ถึงเราเชื่อยากแต่ก็ไม่ลบหลู่ ต่างคนต่างอยู่ แผ่เมตตาให้ ก็เคยนะมีพระที่วัดสวดปาติโมกข์ บางทีก็มากระตุกขาหลวงตา ก็มีการเข้าทรงถามว่ามากระตุกขาทำไม เขาก็บอกว่าท่านสวดปาติโมกข์ได้บุญเยอะ ท่านไม่แผ่เมตตาให้เราหน่อยเหรอ ทวงบุญคุณกันอีก มาขอบุญกุศล คนผ่านไปผ่านมาก็บีบแตรข้างถนน พวกนาคมาบวชก็ต้องมาขอขมาเขา แล้วโยมเวลาเขามาเลี้ยงก็จะให้สำหรับหนึ่ง คาว หวาน” (สัมภาษณ์ 14 ธันวาคม 2559)

ศาลพ่ออ้น พ่อจันทร์ พ่อจุก อำเภอบ้านแพ้ว

ศาลพ่ออ้นพ่อจันทร์พ่อจุก ตั้งอยู่ริมคลองเจ็ดริ้ว ในชุมชนชาวมอญ ตัวศาลเป็นอาคารไม้หลังคามุงกระเบื้อง ภายในศาลมีแท่นบูชา มีรูปปั้นฤาษีและตุ๊กตานางรำวางอยู่ มีผ้าสีแดงห้อยอยู่บนคานพร้อมกับพวงมาลัย ในช่วงเดือนสามและเดือนเก้าจะมีการทำบุญบริเวณศาล ช่วงสงกรานต์จะมีการเช่นไหว้เจ้าพ่อ

ศาลพ่อเอี่ยม พ่อทุ่ง อำเภอบ้านแพ้ว

ศาลพ่อเอี่ยม พ่อทุ่ง ตั้งอยู่ริมคลองพาดหมอน ตำบลเจ็ดริ้ว ซึ่งเป็นชุมชนชาวมอญ ตั้งศาลแห่งนี้มามากกว่า 100 ปี แต่เดิมเป็นศาลเล็กๆหลังคามุงด้วยจาก อยู่กลางทุ่งนา มีเจ้าพ่อทุ่งอยู่องค์เดียว ต่อมาปรับปรุงสร้างด้วยไม้หลังคามุงกระเบื้อง ยกพื้นสูงประมาณ 2 ฟุต ภายในศาลจะมีแท่นบูชา แจกันดอกไม้ พวงมาลัย ป้ายชื่อศาลพ่อทุ่งและศาลพ่อเอี่ยมติดอยู่บนเสา และได้เชิญเจ้าพ่อเอี่ยมให้มาอยู่ที่ศาลนี้ด้วย ชาวมอญที่จะบวชจะต้องมาขอขมาเจ้าพ่อ โดยการนำแตรมาเปาที่ศาล 1 เพลง ปัจจุบันร่างทรงพ่อทรงเป็นหญิงวัย 40 ปี ร่างทรงพ่อเอี่ยมเป็นหญิงวัย 70 ปี งานประจำปีของศาลพ่อเอี่ยมพ่อทุ่งจะจัดในวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ชาวบ้านจะนิมนต์พระมาสวดมนต์และถวายภัตตาหาร

ศาลพ่อเอี่ยม พ่ออุ่น อำเภอบ้านแพ้ว

ศาลพ่อเอี่ยมพ่ออุ่น เป็นศาลของชาวมอญ อายุกว่า 100 ปี แต่เดิมสร้างกลางทุ่งนา หลังคามุงหญ้าคา ต่อมาได้พัฒนาปรับปรุงเป็นศาลไม้หลังคามุงกระเบื้อง กว้างประมาณ 8 เมตร ภายในศาลมีรูปปั้นพ่อเอี่ยม พ่ออ้น วางอยู่บนแท่นสูงประมาณ 1 ฟุต  ปัจจุบัน ศาลตั้งอยู่ในเข ต.ตลาดจินดา อ.สามพราน จ.นครปฐม เป็นรอยต่อติดต่อกับต.เจ็ดริ้ว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร

ศาลเจ้าที่วัดเจ็ดริ้ว อำเภอบ้านแพ้ว

ตั้งอยู่ด้านข้างหรือด้านทิศตะวันออกของเจดีย์วัดเจ็ดริ้ว ริมคลองเจ็ดริ้ว เป็นศาลใหม่ ลักษณะเป็นศาลไม้แบบเรือนพื้นถิ่น บนพื้นปูกระเบื้อง ล้อมรอบด้วยราวสแตนเลส ภายในมีรูปปั้นชายแก่นั่งชันเข่าข้างหนึ่ง ใส่ชุดขาว ผมขาว หน้าศาลมีรูปปั้นช้างและม้า ไม่ทราบประวัติการสร้างศาลดั้งเดิมที่แน่ชัด มีเพียงเรื่องเล่าว่ามีศาลบริเวณนี้มาแล้วมากกว่า 100 ปี 

ศาลเจ้าพ่อต้นตาล อำเภอบ้านแพ้ว

ศาลเจ้าพ่อต้นตาล ตั้งอยู่ริมคลองตาขำ ต.สวนส้ม  มีอายุประมาณ 100 ปี แต่เดิมเป็นศาลเล็ก ๆ อยู่ริมคลอง ต่อมาย้ายเข้าไปสร้างในที่ใหม่ห่างจากเดิมเล็กน้อย ศาลกว้างประมาณ 2 เมตร สร้างด้วยไม้  ชายหนุ่มที่จะบวชจะต้องมาลาเจ้าพ่อที่ศาลนี้ ปัจจุบันศาลค่อนข้างมีสภาพทรุดโทรม

close