ข่าวสารพิพิธภัณฑ์

เชิญชวน "ประชุมเครือข่ายชุมชนพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นลุ่มแม่น้ำชี"

ในวันที่ 3 มีนาคม 2555 เชิญผู้สนใจ ร่วมกิจกรรมเสวนาวิชาการ เรื่อง "ทิศทางและบทบาทของพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น" ร่วมเสวนาโดย ดร.ปริตตา เฉลิมเผ่า กอนันตกูล, ดร.สีลาภารณ์ บัวสาย และ รศ.สุภาภรณ์ จินดามณีโรจน์ เรื่อง "วิกฤตหรือโอกาสพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น?" ร่วมเสวนาโดย วิทยากรจากศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรฯ และ นายพิเนตร ดาวเรือง ณ ห้องประชุมคณสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมืองและนฤมิตศิลป์ และในวันที่ 4 มีนาคม 2555 เวทีเสวนา "คิดและทำอย่างไร ให้พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นประสบความสำเร็จ?"  ณ โครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม สนใจติดต่อเพื่อสำรองที่นั่งภายในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2555 ได้ที่ โครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ต.ขามเรือง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม 44150 โทรศัพท์/โทรสาร 043-754-380 หรือนาย นครินทร์ ทาโยธี 083-679-1533 , นายพิเนตร ดาวเรือง 087-956-7433 https://www.facebook.com/photo.php?fbid=353587991338038&set=p.353587991338038&type=1&theater  

ททท. ชวนเที่ยวงาน "พิพิธภัณฑ์ทันสมัย และแสงไฟ สยามราตรี"

นายเยียรยง ไชยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงาน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานกรุงเทพมหานคร เผยว่า จังหวัดสมุทรปราการเป็นจังหวัดที่มีประเพณีวัฒนธรรมงดงามไม่ว่าจะเป็นงานประเพณีรับบัว งานสงกรานต์พระประแดง บ้านพักตากอากาศบางปู หรือถ้าอยากจะท่องเที่ยวเมืองไทยให้ครบหนึ่งวันที่สมุทรปราการก็มีสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเมืองโบราณ ที่เป็นแหล่งรวบรวม โบราณสถานจำลองที่สวยงาม ด้วยเหตุนี้จึงได้จัดงาน “พิพิธภัณฑ์ทันสมัย และแสงไฟ สยามราตรีปีที่3” ขึ้นเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เข้าไปสัมผัสความสวยงามบรรยากาศยามค่ำคืนของ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ และเมืองโบราณ   “พิพิธภัณฑ์ทันสมัย และแสงไฟ สยามราตรีปีที่3” เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวเข้าชมพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ชมงานวิจิตรศิลป์และศิลปะประยุกต์หลายแขนงที่มีการผสมผสานอย่างลงตัว ภายในท้องช้างที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้พานักท่องเที่ยวแวะชมในส่วนของ “ตลาดน้ำเมืองโบราณ” อิ่มอร่อยบุฟเฟต์อาหารไทยริมน้ำ พร้อมชมการละเล่นสนุกสนาน “เพลงเรือ” ก่อนที่จะนั่งรถรางชมเมืองโบราณยามค่ำคืน ที่จำลองศาสนสถานที่สวยงามจากทั่วประเทศไทยเอาไว้ที่เมืองโบราณแห่งนี้ และปิดท้ายด้วยการแสดง แสง สี เสียง นาฏศิลป์ประยุกต์ บริเวณหน้าพระที่นั่งสรรเพชญปราสาท                ผู้สนใจสามารถเข้าชม “พิพิธภัณฑ์ทันสมัย และแสงไฟ สยามราตรีปีที่3” ตั้งแต่วันนี้ - 7 เมษายน โดยจะจัดขึ้นทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 17.00 - 22.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่เมืองโบราณ โทร. 0-2709-1644-8  (ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2555)

เปิดพิพิธภัณฑ์ “ดะโต๊ะ ตอยิบ” อนุสรณ์กระตุ้นจิตสำนึกเยาวชน

  เมื่อเวลา 08.00 น.เมื่อวาน (2 ก.พ.) ที่โรงเรียนอัตตัรกียะห์ อิสลามียะห์ เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินทางเป็นประธานในพิธีเปิดพิพิธภัณฑ์ ดะโต๊ะอูมาร์ ตอยิบ เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี ของการก่อตั้งโรงเรียน โดยมีนายสามารถ วราดิศัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายอูมาร์ ตอยิบ อดีตสมาชิกวุฒิสภา จ.นราธิวาส ประธานมูลนิธิอิสลามเพื่อการศึกษาและผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนอัตตัรกียะห์ อิสลามียะห์ นายไพศาล ตอยิบ บุตรชาย ซึ่งเป็นผู้จัดการโรงเรียนและอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคมาตุภูมิ เขต 1 จ.นราธิวาส นายนัจมุดดีน อูมา อดีต ส.ส.นราธิวาส เขต 3 พร้อมด้วยอาจารย์นักเรียนและเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนอัตตัรกียะห์ อิสลามียะห์ และโรงเรียนสวนสวรรค์วิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนในเครือ รวมกว่า 6,000 คนร่วมให้การต้อนรับ                โดยคณะอุสตาซได้มีการกล่าวดูอาอ์ขอพรจากพระผู้เป็นเจ้า เพื่อให้ประธานรวมทั้งผู้เข้าร่วมพิธีเกิดความสุขและมีความปลอดภัย หลังจากนั้น พ.ต.อ.ทวี เลขาธิการ ศอ.บต.ได้ทำพิธีกดปุ่มเปิดป้ายก่อนเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ ซึ่งภายในรวบรวมสิ่งของ ภาพถ่ายต่างๆ รวมทั้งเผยแพร่ประวัติ ผลงานและประกาศเกียรติคุณไว้มากมาย เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งความรักและเคารพของครูและนักเรียน อีกทั้งเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งคุณงามความดี ให้นักเรียนได้เข้าทำการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับดะโต๊ะอูมาร์ ตอยิบ บุคคลที่มีความสำคัญต่อการจัดการศึกษาของโรงเรียนรวมทั้งยกระดับฐานะและคุณภาพการศึกษาของ จ.นราธิวาส ให้ทัดเทียมที่อื่นๆ อีกทั้งยังเป็นผู้ผลักดันโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาให้อยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการอีกด้วย                นอกจากนี้ นายอูมาร์ ตอยิบ ยังดำรงตนอย่างมีคุณธรรมในแนวทางที่ถูกต้องเหมาะสม เป็นที่ประจักษ์ชัดทั้งในโรงเรียน จังหวัดและต่างประเทศ ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นอกจากจะเป็นสิ่งเชิดชูต่อบุคคลที่มีคุณูปการเพื่อให้นักเรียนยึดถือและปฏิบัติตามแนวทางของดะโต๊ะอูมาร์ รวมทั้งยังเป็นแหล่งศึกษาหาความรู้แล้วยังจะทำให้นักเรียนของทั้ง 2 โรงเรียนมีจิตสำนึกในความรักต่อสถาบันที่ตนเองได้เล่าเรียนมา โดยไม่ทำตัวไร้ค่าและไปสร้างความเสื่อมเสียและเสียหายต่อสังคมเหมือนเช่นกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อบ้านเมือง                สำหรับกิจกรรมที่ถือเป็นไฮไลต์ของงาน คือ การแสดงปัญจสีลัต โดยนักเรียนของโรงเรียนอัตตัรกียะห์ฯ ซึ่งเป็นทีมชนะเลิศแห่งประเทศไทยในปีที่ผ่านมา พร้อม 9 เหรียญที่ถือเป็นเครื่องการันตีถึงความสามารถของนักเรียนแห่งนี้ (ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2555)

คนภูเก็ตร่วมยกเสาเอกศาลเจ้า“ถี่กงตั๋ว”หลังใหม่

   เมื่อวาน (31 ม.ค.) ที่ศาลเจ้าถี่กงตั๋ว หมู่ 2 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานในพิธีขึ้นเสาเอก สร้างศาลเจ้าถี่กงตั๋วหลังใหม่ แทนศาลเจ้าถี่กงตั๋วหลังหลังเดิม ที่มีการก่อสร้างมาเป็นเวลากว่า 100 ปี และมีสภาพชำรุด ซึ่งคณะกรรมการศาลเจ้าฯ ได้มีมติให้ก่อสร้างศาลเจ้าใหม่ขึ้น พร้อมกับย้ายศาลเจ้าเดิมไปเก็บเป็นพิพิธภัณฑ์                มีนางอัญชลี วานิช เทพบุตร นายเรวัต อารีรอบ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายกรีฑา โชติวิชญ์พิพัฒน์ นายกเทศมนตรีตำบลวิชิต นางเบญจมาศ โกยศิริพงศ์ ประธานจัดสร้างศาลเจ้าถี่กงตั๋ว ตลอดจนกรรมการศาลเจ้า และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชนชาวภูเก็ต จำนวนมากเข้าร่วมในพิธี                นางเบญจมาศ โกยศิริพงศ์ ประธานจัดสร้างศาลเจ้าถี่กงตั๋ว กล่าวถึงการก่อสร้างศาลเจ้าถี่กงตั๋วหลังใหม่ ว่า ศาลเจ้าถี่กงตั๋ว หลังเดิมก่อสร้างมาเป็นเวลากว่า 100 ปี ซึ่งตั้งอยู่ บ้านแหลมชั่น หมู่ที่ 2 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ปัจจุบันมีสภาพชำรุด ทางคณะกรรมการศาลเจ้าฯ จึงได้มีมติที่จะก่อสร้างศาลเจ้าถี่กงตั๋วใหม่ขึ้น ในบริเวณที่มีการก่อสร้างศาลเจ้าหลังเดิม ส่วนศาลเจ้าหลักเดิมย้ายไปเก็บห่างจากศาลเจ้าที่ศาลใหม่ประมาณ 40 เมตร             สำหรับศาลเจ้าถี่กงตั๋วหลังใหม่สร้างเป็นอาคาร 2 ชั้น โดยสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมฮกเกี้ยน ที่มี Mr.Tan Yeow Wooi ชาวมาเลเซีย สถาปนิก ผู้เชี่ยวชาญการออกแบบศาลเจ้าโดยเฉพาะเป็นผู้ออกแบบ ใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 40 ล้านบาท โดยชั้นล่างจะจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์จีนฮกเกี้ยนที่เข้ามาอาศัยอยู่ในจังหวัดภูเก็ต วัฒนธรรมประเพณีของคนจีนฮกเกี้ยน และอื่นๅ ส่วนชั้นที่ 2 จะเป็นที่ประดิษฐ์สถานขององค์พระทั้งหมด          นางเบญจมาศ กล่าวต่อไปว่า การจัดหารายได้เพื่อก่อสร้างศาลเจ้าฯ นั้นทางคณะกรรมการฯ กำหนดให้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาค ซึ่งประกอบด้วย เสาชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 เสาละ 50,000 และ 30,000 บาท เสาฐานราก เสาละ 10,000 บาท แผ่นทองมหามงคล กระเบื้องมุงหลังกา กระเบื้องปิดชายหลังคา กระเบื้องปูพื้น และอื่น แล้วแต่ประชาชนจะร่วมบริจาค ซึ่งมีการกำหนดราคาไว้อย่างชัดเจน                ส่วนอาคารศาลเจ้าถี่กงตั๋วหลังเก่า ที่สร้างมากว่า 100 ปี นางเบญจมาศ กล่าวว่า จะมีการยกย้ายไปอยู่ในบริเวณห่างจากศาลเจ้า หลังใหม่ 40 เมตร เพื่อเก็บไว้เป็นโบราณสถานและทำอาคารคลุมไว้ เพราะเป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่ทรงคุณค่า ซึ่งจากการบอกเล่าที่สืบทอดกันมา ทราบว่าจุดตั้งของศาลเจ้าถี่ก๋งตั๋ว เป็นจุดรวมของชาวจีนปี้เถ้าจ๋าง หรือ ชาวจีนไว้ผมเปีย ที่เดินทางมาจากโพ้นทะเลเพื่อมาทำงานเหมืองที่ภูเก็ต (ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 31 มกราคม 2555)

พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ทรงรับเป็นประธานคณะทำงานออกแบบพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์

        พระอาจารย์นภดล นันทโน เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงรูปแบบของพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ พระธรรมวิสุทธิมงคลหรือหลวงตามหาบัว ที่จะก่อสร้างในบริเวณที่เป็นเมรุของหลวงตามหาบัวในขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปแบบ รูปแบบการก่อสร้างได้เพราะยังต้องมีการหารือกันอีกหลายขั้นตอน                อย่างไรก็ตาม ณ ขณะนี้ ทางวัดป่าบ้านตาดได้รับพระกรุณาจากพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ทรงรับเป็นประธานคณะทำงานออกแบบพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ พระธรรมวิสุทธิมงคล ซึ่งที่ผ่านมาพระองค์ท่านทรงได้นิมนต์คณะพระลูกศิษย์เดินทางไปดูร่างแบบ และพิพิธภัณฑ์นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ที่กรุงเทพฯ เพื่อเป็นแนวความคิด                พระลูกศิษย์ก็มีความเห็นชอบในร่างแบบดังกล่าวด้วย เหลือเพียงแต่ความเห็นชอบว่าจะก่อสร้างเป็นมหาเจดีย์รวมกับอาคารพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือจะสร้างส่วนแยกกัน การก่อสร้างนั้นจะเน้นเป็นศิลปะแบบไทยผสมอีสาน ใช้วัสดุที่มีราคาประหยัด                ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะออกแบบ คณะลูกศิษย์ที่เป็นพ่อ-แม่ครูบาอาจารย์ และที่เป็นฆราวาสอีกครั้งหนึ่งในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ (ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 30 มกราคม 2555)

111 ปีสตรีวิทย์...รำลึกถึงสมเด็จย่า

สตรีวิทยาเป็นโรงเรียนที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเคยทรงศึกษาเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ และเป็นโรงเรียนในพระอุปถัมภ์ของพระองค์ เนื่องจากวันที่ 21 ตุลาคม 2554 ตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพครบ 111 พรรษา ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และครบรอบปีที่ 111 ของโรงเรียนสตรีวิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเคยทรงศึกษาเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ และเป็นโรงเรียนในพระอุปถัมภ์ของพระองค์  ล่าสุดโรงเรียนสตรีวิทยาจึงได้ร่วมกับสมาคมผู้ปกครองและครูฯและสตรีวิทยาสมาคม จัดงาน 111 ปีสตรีวิทยา เลือดแดงขาว เราทะนง เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยจะมีศิษย์เก่าและปัจจุบันร่วมพิธีสักการะและน้อมรำลึกถึงพระองค์ และจัดกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี รวมทั้งการจัดแสดงสื่อผสม เพื่อให้เห็นถึงวิวัฒนาการของสตรีวิทยา ตลอดจนกิจกรรมบันเทิงมากมาย จึงขอเชิญชวนศิษย์เก่าทุกรุ่นร่วมงานในวันเสาร์ที่ 28 มกราคมนี้ ณ  โรงเรียนสตรีวิทยา ตั้งแต่เวลา 16.30-22.00 น.  เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในช่วงเยาวว์วัยทรงย้ายมาศึกษาที่โรงเรียนสตรีวิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในยุคนั้นระหว่างพ.ศ. 2451 - 2456 ซึ่งขณะนั้นพระองค์ได้รับการถวายตัวเป็นข้าหลวงของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพ็ชรบุรีราชสิรินธร ณ พระตำหนักสวนสี่ฤดู เนื่องจากยังทรงพระเยาว์และการเดินทางไปโรงเรียนยังไม่สะดวก ผู้ใหญ่ที่พระตำหนักสวนสี่ฤดูจึงนำพระองค์ไปฝากไว้ที่บ้านของคุณหวน หงสกุล ข้าหลวงของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพ็ชรบุรีราชสิรินธร ซึ่งอยู่หน้าวัดมหรรณพาราม เพื่อจะได้ทรงอยู่ใกล้โรงเรียน  ในช่วงนั้นสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงพระดำเนินไปโรงเรียนพร้อมกับญาติและคุณหวน เมื่อถึงเวลารับประทานอาหารเที่ยง เพื่อนผู้นี้จะแบ่งอาหารปิ่นโตให้เสวยด้วย เพราะที่โรงเรียนไม่มีอาหารขาย วันหนึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงได้รับบาดเจ็บจากเข็มตำพระหัตถ์จนมิดด้าม จึงต้องเข้ารับการรักษาและพักรักษาที่บ้านพระยาดำรงแพทยาคุณ ซึ่งต่อมาเป็นผู้ที่ชักชวนให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งขณะนั้นทรงกำลังศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้เข้าเรียนวิชาพยาบาลที่โรงเรียนแพทย์ผดุงครรภ์และหญิงพยาบาลแห่งศิริราช ซึ่งต่อมาพระองค์ได้รับคัดเลือกเป็นนักเรียนทุนพยาบาลไปศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงได้ทรงรู้จักกับสมเด็จพระบรมราชชนก ได้ทรงหมั้นและอภิเษกสมรสในเวลาต่อมา  ในฐานะศิษย์เก่า พระองค์มีพระมหากรุณาธิคุณต่อโรงเรียนสตรีวิทยาตลอดมา ทรงเป็นองค์พระราชูปถัมภ์ของโรงเรียนในกิจการด้านการศึกษา เช่น เมื่อครั้งอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระบรมราชชนกใน พ.ศ. 2463 ได้พระราชทานเงินเพื่อเกื้อกูลโรงเรียนสตรีวิทยาเป็นจำนวน 5,000 บาท โรงเรียนได้นำเงินนี้มาก่อสร้างอาคารเรียนเป็นเรือนไม้ 2 ชั้น 6 ห้องเรียน และใน พ.ศ. 2534 ได้พระราชทานเงินส่วนพระองค์จำนวน 100,000 บาท สมทบในการสร้างอาคารเรียนเพิ่มเติมอีกด้วย  นอกจากนี้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนียังได้พระราชทานทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่มีฐานะยากจน โดยใน พ.ศ. 2481 ได้พระราชทานเงินให้แก่โรงเรียนจำนวน 5,000 บาท โดยมอบให้กระทรวงศึกษาธิการนำเงินนี้ฝากไว้ในธนาคาร เพื่อเก็บดอกออกผลเป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนยากจน ในนาม "ทุนสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์" ต่อมาใน พ.ศ. 2535 ได้พระราชทานเงินจำนวน 250,000 บาท เพื่อนำดอกผลมาเป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนโรงเรียนสตรีวิทยาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และทรงรับโรงเรียนสตรีวิทยา สตรีวิทยาสมาคม สมาคมผู้ปกครองและครูสตรีวิทยา ตลอดจนมูลนิธิสตรีวิทยาเข้าไว้ในพระอุปถัมภ์ เมื่อโรงเรียนหรือสมาคมมีกิจกรรมและกราบบังคมทูลเชิญ ก็เสด็จมาร่วมงานเสมอ คณะครูและนักเรียนโรงเรียนสตรีวิทยาต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อโรงเรียนอย่างหาที่สุดมิได้  จึงได้สร้างพระราชานุสาวรีย์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีไว้ที่โรงเรียน เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ  ใน พ.ศ. 2554 โรงเรียนสตรีวิทยาได้จัดทำเอกสารการสอนตามหลักสูตรท้องถิ่นชุด "รัตนสังวาลย์" และจัดทำ "โครงการพัฒนานวัตกรรมและแหล่งเรียนรู้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี" ขึ้น ซึ่งจัดทำเป็นนิทรรศการถาวร เพื่อเป็นศูนย์กลางการศึกษาค้นคว้าพระราชประวัติ พระกำเนิดและชาติสกุล ชีวิตเมื่อทรงพระเยาว์ พระราชอัธยาศัยและพระราชจริยวัตร การศึกษา ชีวิตครอบครัว และการดำรงสถานะ สมเด็จพระบรมราชชนนี พระราชกรณียกิจต่อแผ่นดิน พระราชกรณียกิจต่อราษฎร คติธรรมจากการศึกษาพระราชกรณียกิจสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียน ชุมชน รวมถึงองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้เทิดพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ สมเด็จย่า ของปวงชนชาวไทยสืบไป โดยเปิดให้ผู้สนใจเข้าชมทุกวันในเวลาราชการ เวลา 7.00-17.00 น. และวันเสาร์ เวลา 9.00-12.00 น. (กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 26 มกราคม 2555)

พลุระเบิดงานตรุษจีนสุพรรณฯ ไฟไหม้บ้าน ปชช.กว่า 50 หลัง-ตาย 4 เจ็บอีกเพียบ

เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น.วันที่ 24 ม.ค.55 ได้เกิดเหตุพลุระเบิดกลางงาน "ตรุษจีนสุพรรณบุรี ปีทองมังกรสวรรค์" ณ อุทยานมังกรสวรรค์ พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง จ.สุพรรณบุรี ทำให้ลูกไฟตกใส่บ้านเรือนของประชาชนที่ตั้งติดกันอยู่กันนับร้อยหลังคาเรือนจนเกิดไฟโหมไหม้กว่า 50 หลังแล้ว หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่เร่งสกัดเพลิงโดยด่วน แต่เป็นไปด้วยความยากลำบากและมีผู้ได้บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก   ส่วนในงานดังกล่าวมีนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายสุรพล เศวตเศรณี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นประธานเปิดงาน และได้ร่วมชมการจุดพลุอยู่ในงานด้วย แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด   นอกจากนี้ ไฟยังไหม้ลามไปยังวัดพระธาตุ ที่อยู่ใกล้งาน ทำให้กุฎิพระถูกไฟไหม้และพระได้รับบาดเจ็บกว่า 10 รูป ส่วนประชาชนมีรายงานข่าวได้รับบาดเจ็บแล้วกว่า 20 คน และมีผู้เสียชีวิตด้วย ซึ่งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บถูกลำเลียงส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงแล้ว   มีรายงานข่าวแจ้งว่า ญาญ่า อุรัสยา ดารานักแสดงชื่อทางช่อง 3 ได้ทำการแสดงในงานตรุษจีนที่จังหวัดสุพรรณบุรีครั้งนี้ด้วย แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เนื่องจากเดินทางออกจากงานเรียบร้อยแล้ว   ต่อมา เวลา 20.50 น.ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสุพรรณบุรี แจ้งว่า ได้พบผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ศพที่บริเวณลานจุดพลุในวัดพระธาตุ แต่ยังนำร่างออกจากจุดเกิดเหตุไม่ได้   เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ลำเลียงผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงแล้วโดยมีทั้งผู้บาดเจ็บเล็กน้อยและสาหัส   นายจองชัย เที่ยงธรรม เปิดเผยถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่า พลุชุดที่เกิดเหตุระเบิดเป็นการแสดงพลุชุดใหญ่ โดยพลุตวรจะขึ้นไประเบิดบนฟ้า แต่กลับโผล่ขึ้นมาเป็นลูกไฟเพียงเล็กน้อย ก่อนจะเกิดระเบิดเสียงดังอย่างรุนแรงในเวลาต่อมา   เวลา 21.15 น.มีรายงานข่าวว่า เจ้าหน้าที่เริ่มควบคุมเหตุเพลิงไหม้ชุมชนวัดพระธาตุได้แล้ว แต่ในที่เกิดเหตุยังมีพลุเหลือยังไม่ได้จุดอีกหลายร้อยชุด ทางจังหวัดได้ประสานเจ้าหน้าที่ทหารให้มาเก็บกู้ไปไว้ในที่ปลอดภัยแล้ว ทั้งนี้สำหรับสาเหตุที่บ้านเรือนได้รับความเสียหายมาก เนื่องจากเป็นชุมชนแออัดบนพื้นที่ 35 ไร่ อยู่ด้านหลังบริเวณที่จัดงาน ในปีก่อนหน้านี้ก็เคยได้รับความเสียหายจากแรงอัด จากการจุดพลุบ้าง แต่ไม่มีเหตุการณ์ระเบิดหรือไฟไหม้ ในปีนี้แม้มีการเตรียมรถดับเพลิงมาแต่ รถดับเพลิงก็ถูกพลุพุ่งใส่จนไฟไหม้ไปหนึ่งคัน ด้าน น.ส.สมเจตน์ พรหมสุนทร หัวหน้า ปภ.สุพรรณบุรี กล่าวว่า หลังสถานการณ์สงบลง ได้มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว และมีชาวบ้านมาลงทะเบียนแล้วประมาณกว่า 200 ราย ส่วนบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากไฟไหม้มีประมาณ 20 หลังคาเรือน นอกจากนี้มีบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากแรงอัด เช่น กระจกแตก หลังคาแตก อีกมากกว่า 100 หลังคาเรือน มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 75 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 3 ราย   ขณะที่นายวราวุธ ศิลปอาชา บุตรชายนายบรรหาร กล่าวกับ สปริงนิวส์ ระบุว่า คณะกรรมการจัดงานได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือชุมชน พร้อมจะรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด และขอโทษต่อผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย   ส่วนนายบรรหาร ศิลปอาชา กล่าวว่า งานฉลองตรุษจีนที่พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-29 ม.ค.นี้ โดยจะให้ดำเนินการจัดงานต่อ และได้สั่งให้งดจุดพลุอีก   สำหรับสาเหตุของการระเบิดครั้งนี้ มีข้อสันนิษฐานว่า อาจเกิดจากการจัดวางพลุที่ไม่เป็นไปตามรูปแบบที่กำหนด ทำให้พลุล้มและเกิดระเบิดขึ้น และพุ่งเข้าใส่ชุมชนรวมทั้งพลุกส่วนที่เตรียมไว้จุด ทำให้เกิดไฟไหม้อย่างรุนแรง ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่านาทีระทึก นางพจนา รัตนสมจิตร ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ช่วงเวลาประมาณ 19.05 น.ในงานได้จุดพลุเกิดเสียงดังมากแต่สังเกตเห็นว่าผิดปกติเพราะพลุแตกกระจัดกระจายราวกับฝนดาวตกอยู่ในระดับต่ำมาก ทุกคนรวมทั้งตนกับน้องสาวที่มาจากอเมริกาที่อยู่ด้านข้างของศาลเจ้าพ่อต่างตั้งสติวิ่งหนีเข้าไปหลบภายในตัวศาลเจ้าพ่อ ขณะนั้นกลัวตายที่สุด ความรู้สึกเหมือนอยู่ในสนามรบ มีแต่ลูกไฟตกลงมาจากท้องฟ้าเต็มไปหมด เมื่อเสียงพลุสงบลงจึงรีบตัดสินใจออกจากศาลเจ้าพ่อทันที ซึ่งแรงระเบิดทำให้ได้เห็นสภาพกระจกภายในศาลเจ้าพ่อแตกกระจายไม่มีเหลือ สักครู่ก็ได้ยินเสียงรถพยาบาลและรถดับเพลิงวิ่งเข้ามาภายในตัวศาลและด้านข้างของศาลอย่างไม่ขาดสาย พอหันไปดูรอบๆ ยังปรากฏพลุระเบิดขึ้นอีก พร้อมๆ กับเห็นไฟไหม้ด้านหลังมังกรแล้วห่างจากที่ตนยืนดูพลุอยู่แค่ไม่เกิน 50 เมตร                “โชคดีของเราจริงที่ไม่เป็นอะไรเลยแค่ตกใจจากเหตุการณ์นี้เท่านั้น แต่มีคนอีกเป็นร้อยที่ต้องเจ็บและมีจำนวนไม่น้อยที่เสียชีวิต บ้านของคนแถวนั้นไหม้วอดวายอีกจำนวนมาก” นางพจนากล่าว (ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 24 มกราคม 2555)

ศูนย์วิจัยป่าไม้ ร่วมมือกับพิพิธภัณฑ์มด คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จัดโครงการท่องแดนมหัศจรรย์แห่งมดในวันเด็กแห่งชาติ 14 ม.ค. 55 นี้ ที่ลานน้ำพุ หน้าตึกวนศาสตร์ 60 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ศูนย์วิจัยป่าไม้ ร่วมมือกับพิพิธภัณฑ์มด คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จัดโครงการท่องแดนมหัศจรรย์แห่งมดในวันเด็กแห่งชาติ 14 ม.ค. 55 นี้ ที่ลานน้ำพุ หน้าตึกวนศาสตร์ 60 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์                รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็กๆ สามารถเกิดขึ้นได้จากโอกาสและความสำคัญที่ผู้ใหญ่มอบให้ การเรียนรู้ที่จะช่วยให้เด็กมีความรู้ใหม่ๆประสบการณ์ดีๆ ไปสู่ผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคตคือการเรียนรู้ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน วันเด็กแห่งชาติถือเป็นโอกาสดีที่เด็กๆจะได้มีโอกาสเปิดโลกเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ                รศ.ดร. เดชา วิวัฒน์วิทยา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยป่าไม้กล่าวว่า "พิพิธภัณฑ์มด" เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศ ที่จัดแสดงความรู้เกี่ยวกับมดในทุกแง่มุม พร้อมทั้งจัดเก็บรวบรวมตัวอย่างมดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ร่วมเรียนรู้ 5 จริยธรรมเด่นของมด ประชันมดแปลก มดใหญ่ มดเล็ก มดดุ มดน่ารัก มดน่ารำคาญ มดทหาร และพบกับเหล่าพ่อแม่มด นอกจากนี้ยังพบกับไม้สักโบราณอายุกว่า 400 ปี ร่วมกันค้นหาอายุต้นไม้ป่านาๆ ชนิด                 "ทั้งนี้ศูนย์วิจัยป่าไม้เป็นแหล่งรวบรวมองค์ความรู้ทางด้านนี้ และคณะวนศาสตร์ เป็นสถานศึกษาที่มีการเรียนการสอน ที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้โดยตรง จึงได้เล็งเห็นคุณค่าและความสำคัญของเด็ก ต้องการให้เด็กๆ ทุกคนมีหัวใจรักธรรมชาติ ได้เข้ามาเรียนรู้และเสริมสร้างประสบการณ์ โดยเฉพาะด้านคุณธรรม จริยธรรม แต่ท้ายที่สุดต้องการให้ทุกครอบครัว ที่มาร่วมทำกิจกรรมมีความรักและความสุขมากที่สุด"     โดยกิจกรรมต่างๆที่กำหนดขึ้นในงาน ทำให้เด็กๆเกิดการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และได้รับประสบการณ์มากมาย ซึ่งเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้เด็กได้รู้และเข้าใจเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติมากขึ้น และเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกให้เด็กเกิดความรักและหวงแหนทรัพยากรป่าไม้                สำหรับผู้ปกครองหรือเด็กๆ ที่สนใจร่วมชม "บ้านมด" สามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์วิจัยป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รศ.ดร. เดชา วิวัฒน์วิทยา โทร 0-25790176, 0-25614761 (ผู้จัดการออนไลน์ 12 มกราคม 2555)