รายชื่อพิพิธภัณฑ์

พิพิธภัณฑ์พยาธิวิทยาเอลลิส

ศ.นพ.เอลเลอร์ จี. เอลลิส พยาธิแพทย์คนแรกของไทย ชาวอเมริกันที่เข้ามาช่วยพัฒนาศิริราชตามโครงการความร่วมมือกับมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ ในช่วงปีพ.ศ. 2462-2464 และ 2466-2471 ศ.นพ.เอลลิสได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์พยาธิวิทยาในศาลาปาโถโลยีซึ่งเป็นที่ทำการและสถานที่เรียนพยาธิวิทยาในสมัยแรก ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองตึกพยาธิวิทยาถูกระเบิดทำลายเกือบทั้งหมดพยาธิแพทย์รุ่นหลังได้รวบรวมสิ่งแสดงที่หลงเหลือมาจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ขึ้นใหม่และใช้ชื่อว่า "พิพิธภัณฑ์พยาธิวิทยาเอลลิส" เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์และเป็นอนุสรณ์แด่ท่าน ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติพยาธิวิทยาในประเทศไทย ห้องจำลองการปฏิบัติงานทางพยาธิวิทยาที่ตึกเสาวภาคย์ แสดงระบบการทำงานของหัวใจปกติและโรคหัวใจ พัฒนาการและความพิการแต่กำเนิดของทารกและโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ที่พบได้บ่อยในชายและหญิง พร้อมแนวทางการรักษาและป้องกัน จัดแสดงด้วยสิ่งแสดงจริงพร้อมหุ่นจำลองประกอบ

จ. กรุงเทพมหานคร

พิพิธภัณฑ์ปรสิตวิทยา

พิพิธภัณฑ์ปรสิตวิทยา ก่อตั้งโดย ศ.นพ. วิจิตร ไชยพร ในปี พ.ศ. 2513 โดยการเก็บรวบรวมตัวอย่างพยาธิจากผู้ป่วย ฯลฯ ไว้ใช้ในการเรียนการสอนนักศึกษาหลักสูตรต่างๆโดยเฉพาะนักศึกษาแพทย์ แต่ในภายหลังมีการจัดแสดงแบ่งเป็นหมวดหมู่และได้เปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้าชมด้วย เพื่อเป็นแหล่งความรู้ที่ต้องการให้คนดูตระหนักถึงอันตรายและโทษของการบริโภคอย่างไม่ถูกต้อง ภายในพิพิธภัณฑ์ แบ่งออกเป็นหมวดหมู่ดังนี้ 1. พยาธิตัวกลม 2. พยาธิตัวแบน 3. โปรโตซัวทางการแพทย์ 4. แมลงนำโรคและสัตว์มีพิษ ซึ่งแต่ละหมวดหมู่ประกอบไปด้วยสิ่งแสดงหลากหลาย เช่น อวัยวะของผู้ป่วยที่ติดเชื้อปรสิตโดยเฉพาะอัณฑะของผู้ป่วยโรคพยาธิเท้าช้างซึ่งหนักถึง 35 กิโลกรัม ตัวพยาธิของจริงและหุ่นจำลองแบบต่างๆ ฯลฯ จัดแสดงการติดเชื้อหนอนพยาธิชนิดต่างๆ รวมทั้งสภาพแวดล้อมของสัตว์มีพิษชนิดต่างๆ เช่น แมงมุมพิษ ตะขาบ แมงป่องฯลฯ

จ. กรุงเทพมหานคร

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์การแพทย์ไทย อวย เกตุสิงห์

ศ.นพ.อวย เกตุสิงห์ อดีตหัวหน้าแผนกสรีรวิทยาและภาควิชาเภสัชวิทยา เป็นผู้รวบรวมเรื่องราวการแพทย์แผนไทย เพื่อจัดแสดงในงานฉลอง 72 ปี โรงพยาบาลศิริราช และต่อมาได้จัดสร้างพิพิธภัณฑ์จนแล้วเสร็จในพ.ศ. 2522 เรื่องราวภายในของพิพิธภัณฑ์บอกเล่าเรื่องที่มาและประวัติของการแพทย์แผนไทย นอกจากนี้ยังจัดแสดงตำรายาไทยโบราณที่ส่งต่อกันมาหลายรุ่น ที่ส่วนใหญ่ในอดีต บรรดาครูหรือหมอไทยจะจารเอาไว้ในหนังสือใบลาน หมายเหตุ: ปิดดำเนินการ เนื่องจากย้ายวัตถุและเนื้อหานิทรรศการไปจัดแสดงที่ พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถานแทน

จ. กรุงเทพมหานคร

หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ

หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ เกิดขึ้นจากแนวคิดของมูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ ที่จะสร้างหอจดหมายเหตุพุทธทาสขึ้นในกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นแหล่งรวบรวม อนุรักษ์ และ เผยแพร่มรดกธรรมที่ท่านพุทธทาสภิกขุ มอบไว้ให้กับคนรุ่นหลัง โดยมีไม่ได้ต้องการเพียงเป็นพื้นที่เก็บเอกสาร แต่มีเป้าหมายเชิงคุณค่า โดยต้องการให้เป็นจุดหมายสำคัญสำหรับการเผยแพร่ ฝึกอบรมธรรมะที่เข้าถึงได้ง่าย เป็นพื้นที่สาธารณะที่เป็นมิตรสำหรับประชาชน ทุกชาติศาสนาที่จะเข้ามาพักผ่อน ศึกษาค้นคว้า ปฏิบัติธรรม และจัดกิจกรรมทางจิตวิญญาณได้อย่างเสรี

จ. กรุงเทพมหานคร

อุทยานแมวไทยโบราณ

อุทยานแมวไทยโบราณ เป็นสถานที่เก็บรวมรวมและรักษาแมวไทยโบราณ พันธุ์ขาวมณี ที่สืบเชื้อสายมาจากแมวที่รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดและทรงเลี้ยงไว้ในพระบรมมหาราชวัง โดยพระราชทานให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระโอรสเป็นผู้ดูแล ต่อมากรมหลวงฯ ทรงประทานให้กับหม่อมเจ้าหญิงจิตรแจรง อาภากร พระธิดาดูแล ต่อมาท่านหญิงได้ประทานแมวขาวมณีจำนวน 18 ตัว ให้กับคุณนำดี วิตตะ เป็นผู้เลี้ยงดู เมื่อปี 2501 เป็นผู้ขยายพันธุ์สืบทอดต่อมา ปัจจุบันแมวของอุทยานแมวไทยโบราณมีอยู่ด้วยกันประมาณ 44 ตัว แต่นำมาให้คนชมจริงได้เพียง 14 ตัว

จ. กรุงเทพมหานคร

พิพิธภัณฑ์และห้องปฏิบัติการเรื่องราวก่อนประวัติศาสตร์ สุด แสงวิเชียร

พิพิธภัณฑ์ก่อตั้งโดย ศ.นพ.สุด แสงวิเชียร ศาสตราจารย์เกียรติคุณในวิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ท่านสนใจศึกษาศาสตร์ต่าง ๆ ไม่เพียงแต่กายวิภาคศาสตร์ หากยังสนใจสาขาต่าง ๆ ของแพทยศาสตร์ พันธุศาสตร์ มานุษยวิทยากายภาพ และโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ขณะที่ท่านเข้าร่วมในการขุดค้นกับคณะไทย-เดนมาร์ก ที่ บ้านเก่า จ.กาญจนบุรี ใน พ.ศ. 2504-2505 ท่านมีโอกาสได้เห็นเครื่องมือเครื่องใช้ขณะร่วมขุดค้น และเห็นว่าเครื่องมือเครื่องใช้เหล่านั้นทำให้เข้าใจวัฒนธรรมของบุคคลที่เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี และได้เก็บรวบรวมเศษเครื่องมือเครื่องใช้ที่ชำรุดหรือที่ชาวบ้านบริจาค นำมาใช้ประกอบการเรียนการสอน จนในที่สุดนำวัตถุที่ขุดพบมาจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ โดยไม่ได้ตั้งใจจะจัดแสดงแบบสวยงามเพื่อดึงดูดผู้คนแบบพิพิธภัณฑ์ทั่วไป หากแต่เพื่อให้เป็นที่ศึกษาของนักศึกษาแพทย์ นักศึกษาโบราณคดี และผู้ที่สนใจ พิพิธภัณฑ์จัดแสดงวิวัฒนาการของมนุษย์ และเครื่องมือเครื่องใช้ของมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ โดยเล่าเรื่องผ่านทั้งภาพวาด ภาพถ่าย ส่วนต่าง ๆ ของโครงกระดูกมนุษย์ หุ่นจำลอง ตัวอย่างเครื่องมือเครื่องใช้ที่ขุดพบ อาจกล่าวได้ว่าเป็นแห่งเดียวในประเทศไทยที่มีเครื่องมือหินครบถ้วนทุกสมัย

จ. กรุงเทพมหานคร

พิพิธภัณฑ์โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย

โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย เป็นโรงเรียนแรกที่คณะอุร์สุลินก่อตั้งขึ้นในประเทศไทย โดยคุณแม่มารี เบอร์นาร์ด มังแซล ผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากมหาธิการิณีที่โรมให้ย้ายจากอินโดนีเซียมาเป็นอธิการที่สยาม เป็นผู้จัดซื้อที่ดินและก่อตั้งโรงเรียนขึ้นเมื่อปี 2470 และได้ถวายโรงเรียนใหม่นี้แด่พระมารดาของพระเจ้า และให้ชื่อโรงเรียนเป็นภาษาละตินว่า มาแตร์เดอี ภายในโรงเรียนมีโบราณสถานสำคัญ คือ โบสถ์และสำนักแม่ชีอุร์สุลิน มีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมดัทช์โคโรเนียล เป็นอาคารไม้หลังคาจั่ว ช่วงกลางเป็นหอคอยสูง 3 ชั้น และปีกซ้ายเป็นหอคอยสูง 2 ชั้น หน้าจั่วตกแต่งด้วยไม้ฉลุลาย หลังคามุงกระเบื้อง ที่พิเศษคือหลังคาหอคอยด้านซ้ายมุงกระเบื้องลายไม้กางเขน ซึ่งอาคารหลังนี้เป็นอาคารหลังแรกของโรงเรียน ปัจจุบันใช้เป็นโบสถ์ ที่พักของแม่ชี ห้องพยาบาล และพิพิธภัณฑ์

จ. กรุงเทพมหานคร

พิพิธภัณฑ์แรงงานไทย

ประวัติศาสตร์ของการพัฒนาประเทศไทยมิอาจแยกออกจากประวัติศาสตร์แห่งการสร้างสรรค์ของมวลผู้ใช้แรงงานไทยได้ แต่เรื่องราวของพวกเขากลับมีพื้นที่เพียงน้อยนิดบนหน้าประวัติศาสตร์ไทย ด้วยเหตุนี้พิพิธภัณฑ์แรงงานไทยจึงถือกำเนิดขึ้น เพื่อเป็นสถานที่รวบรวมและจัดแสดงเรื่องราวของผู้ใช้แรงงานไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างหลายฝ่าย อาทิ กลุ่มผู้ใช้แรงงานจำนวนหนึ่ง องค์กรพัฒนาเอกชน นักวิชาการด้านแรงงาน นักประวัติศาสตร์ และนักจดหมายเหตุ โดยใช้อาคารเก่าแก่ชั้นเดียวที่เคยมีประวัติเป็นสถานีตำรวจรถไฟและที่ทำการสหภาพแรงงานรถไฟ มักกะสัน ซึ่งอาคารแห่งนี้เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ผู้ใช้แรงงานไทย เนื่องจากสหภาพแรงงานรถไฟเป็นองค์กรแรงงานที่มีบทบาทอันสำคัญในขบวนการแรงงานและในการต่อสู้คัดค้านเผด็จการ อาคารแห่งนี้จึงมักถูกคุกคามจากฝ่ายเผด็จการ เกือบทุกครั้งที่มีการรัฐประหาร อาคารแห่งนี้จะถูกควบคุมไว้ ประตูห้องที่ฉีกหักเพราะถูกจามด้วยขวานคือหลักฐานและร่องรอยที่หลงเหลือจากอดีต หน้าอาคารด้านทิศตะวันตกติดถนน มีอนุสาวรีย์ที่ทำจากปูนปั้นฝีมือศิลปินเพื่อชีวิต นายสุรพล ปรีชาวชิระ และคณะ ขนานนามว่า ”อนุสาวรีย์ศักดิ์ศรีแรงงาน” ถือกันว่าเป็นอนุสาวรีย์แห่งแรกของผู้ใช้แรงงาน อนุสาวรีย์เป็นรูปปั้นคนงานหญิงชายกำลังผลักกงล้อประวัติศาสตร์ให้เคลื่อนไปข้างหน้าใต้กงล้อมีรถถังถูกบดขยี้ อันบ่งบอกความหมายถึงการคัดค้านเผด็จการ

จ. กรุงเทพมหานคร