รายชื่อพิพิธภัณฑ์

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น เป็นสถานที่เก็บรวบรวม สงวนรักษา และจัดแสดงโบราณวัตถุศิลปวัถตุของชาติในเขตภาคอีสานตอนบน โดยภายในแบ่งส่วนจัดแสดง ดังนี้ (1) สมัยก่อนประวัติศาสตร์ จัดแสดงเรื่องราวของชุมชนโบราณในพื้นที่ขอนแก่นในยุคก่อนประวัติศาสตร์ (2) สมัยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมทวารวดี เล่าเรื่องราวแถบลุ่มน้ำชีที่ได้รับอิทธิพลจากทวารวดี (3) วัฒนธรรมขอม จัดแสดงเรื่องราวของวัฒนธรรมขอมหรือเขมรโบราณในพื้นที่อีสานตอนบน (4) วัฒนธรรมล้านช้าง จัดแสดงอิทธิพลของล้านช้างแถบลุ่มน้ำโขงและวัฒนธรรมล้านนา (5) สมัยรัตนโกสินทร์ จัดแสดงการสร้างเมืองขอนแก่น (6) กลุ่มประติมากรรมเสมา และ (7) ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านอีสาน จัดแสดงเกี่ยวกับวิถีชีวิต วัฒนธรรม และประเพณีของชาวอีสาน

จ. ขอนแก่น

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มหาวีรวงศ์

สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสโส) อดีตเจ้าอาวาสวัดสุทธจินดาวรวิหาร ได้มอบโบรารวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่รวบรวมไว้ให้กับกรมศิลปากร เมื่อพุทธศักราช2470 เพื่อศึกษาค้นคว้าจัดแสดง และเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับมรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาถึงความเจริญรุ่งเรื่องของชาติที่สืบทอดมาถึงปัจจุบัน กรมศิลปากรจึงได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑสถานขึ้น ในปีพุทธศักราช2497 และเปิดบริการให้ประชาชนเข้าชมอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พุทธศักราช2497 ต่อมากรมศิลปากรได้ประกาศตั้งเป็น "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มหาวีรวงศ์" จัดแสดงโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่ทรงคุณค่าทางด้านประวัติศาสตร์ศิลปะโบราณคดี ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมต่างๆ ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุคประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นโบราณวัตถุ และศิลปะวัตถุ นอกจากนี้ยังจัดแสดงโบราณวัตถุที่ได้จากการขุดค้นแหล่งโบราณคดี และสิ่งของที่ประชาชนมอบให้ ได้แก่ภาชนะดินเผ่าก่อนยุคประวัติศาสตร์รูปแบบต่างๆ เครื่องมือเครื่องใช้สำริด กลองมโหระทึกสำริด ศิลาจารึก พระพุทธรูปสมัยต่างๆ ภาชนะดินเผาเคลือบศิลปะเขมรในประเทศไทย เครื่องถ้วยจีน ตลอดจนศิลปะพื้นเมืองอีสาน และศิลปวัตถุที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ได้แก่ พระเก้าอี้ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ประทับเมื่อครั้ง เสด็จประพาสจังหวัดนครราชสีมา

จ. นครราชสีมา

พิพิธภัณฑ์พระตำหนักบ้านสวนปทุม

“บ้านสวนปทุม” เป็นพระตำหนักส่วนพระองค์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานีเริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ.2534 มีพระตำหนักและอาคารพิพิธภัณฑ์ 6 อาคาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โปรดเกล้าฯ ให้จัดทำพิพิธภัณฑ์ส่วนพระองค์ขึ้นที่พระตำหนักสวนปทุม เพื่อรวบรวมสิ่งของต่างๆ ที่ทรงสะสมมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์จนถึงปัจจุปัน มีทั้งที่เป็นของใช้ส่วนพระองค์ สิ่งของที่ทรงสะสมไว้ งานศิลปกรรมฝีพระหัตถ์ ของที่ระลึกจากต่างประเทศ สิ่งของต่างๆ ที่มีผู้ทูลเกล้าฯ ถวาย โดยสิ่งของต่างๆ มีการจัดหมวดหมู่อย่างเป็นระบบ จัดทำคำบรรยายสั้นๆ เป็นการให้ความรู้เบื้องต้นแก่ผู้สนใจศึกษา

จ. ปทุมธานี

พิพิธภัณฑ์หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

พิพิธภัณฑ์หลวงปู่ดู่ พรหมปัญญา ตั้งอยู่ที่วัดสะแก เกิดขึ้นสืบเนื่องจากการมรณภาพของหลวงปู่ดู่ ทางคณะศิษย์จึงได้หารือกันเพื่อจะสร้างพิพิธภัณฑ์เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานถึงคุณงามความดีของท่าน โดยได้มีพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อปี 2538 โดยมีหลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท เจ้าอาวาสวัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม เป็นประธานในพิธี และในปี 2548 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด โดยภายในพิพิธภัณฑ์ประดิษฐานอัฐิธาตุ จัดแสดงเครื่องอัฐบริขารของหลวงปู่ดู่ พระพุทธรูป รูปปั้นคณาจารย์ พระเครื่องพระบูชา แหวนมงคล เครื่องราง และวัตถุมงคลต่าง ๆ

จ. พระนครศรีอยุธยา

พิพิธภัณฑ์บัว

พิพิธภัณฑ์บัว ตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ดำเนินการจัดตั้งในปี พ.ศ.2543 เป็นโครงการตามแนวพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และได้เข้าร่วมโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ในปี พ.ศ. 2546 เพื่อดำเนินการสำรวจเก็บรวบรวมพันธุ์บัว ปลูกรักษา ศึกษาการใช้ประโยชน์ และสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุ์บัว ถือเป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์บัว เพื่อการเรียนรู้ ศึกษา วิจัย การใช้ประโยชน์ด้านต่าง ๆ จากบัว และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิญอนุรักษ์ ซึ่งปัจจุบันมีการบูรณาการมาใช้กับการเรียนการสอนในหลายคณะวิชาของมหาวิทยาลัย และมีการจัดกิจกรรมร่วมกับหน่วยงานเอกชน และส่วนราชการต่าง ๆ ของจังหวัดปทุมธานี แรกเริ่มได้รวบรวมพันธ์บัวเพียง 40 สายพันธุ์ ปัจจุบันมีพันธุ์บัวมากกว่า 100 สายพันธุ์ มีทั้งบัวหลวง บัวผัน บัวสาย บัวฝรั่ง บัววิกตอเรีย และบัวพันธุ์ไทยหายาก

จ. ปทุมธานี

พิพิธภัณฑ์สภากาชาดไทย

ปี พ.ศ. 2546 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย มีพระราชดำริให้สภากาชาดไทยดำเนินการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์สภากาชาดไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สภานายิกาสภากาชาดไทย โดยมีพระราชประสงค์ให้นำเสนอในรูปแบบพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต(living museum) เช่นเดียวกับพิพิธภัณฑ์สภากาชาดสากล ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่สามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกว่า “กำลังยืนอยู่ท่ามกลางความทุกข์ของคนเป็นล้านๆ คน” อาคารพิพิธภัณฑ์คือ ตึกกาชาดเดิม ภายในมีทั้งนิทรรศการถาวรและนิทรรศการหมุนเวียน แบ่งส่วนแสดงเป็น 7 ส่วนด้วยกันโดยแต่ละส่วนใช้สีรุ้ง 7 สี เป็นสัญลักษณ์สื่อความหมายของเรื่องที่จัดแสดงส่วนแรกได้แก่ “สถาปนาสันติธรรม” จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาที่กำเนิดกาชาดสากลและสภากาชาดไทย ส่วนจัดแสดงต่อมาคือ“บูรณาการสถานศึกษา”นำเสนอภารกิจของสภากาชาดไทยด้านการแพทย์ การพยาบาล ส่วนที่สามคือ“โอสถบริรักษ์” จัดแสดงภารกิจของสภากาชาดในการผลิตเซรุ่มและวัคซีน เพื่อใช้ป้องกันและรักษาโรคต่างๆ ส่วนที่สี่ “อภิบาลดรุณ” จัดแสดงข้อมูลเกี่ยวกับมูลนิธิสงเคราะห์เด็กสภากาชาดไทย และเรื่องราวเกี่ยวกับหน่วยเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ส่วนที่ห้า “บุญเกษม”แสดงภารกิจของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ที่มุ่งจัดหาโลหิตจากผู้บริจาคที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน สำหรับใช้รักษาผู้ป่วยทั่วประเทศส่วนที่หก“บำเพ็ญคุณากร” จัดแสดงภารกิจในการบรรเทาทุกข์โดยสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ ที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส และส่งเสริมคุณภาพชีวิตประชาชน ส่วนสุดท้าย “อมรสาธุการ” นำเสนอยกย่องผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่สภากาชาดไทย รวมทั้งของที่ระลึกต่างๆ ที่มอบให้ผู้มีอุปการคุณต่อสภากาชาดไทย

จ. กรุงเทพมหานคร

พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ทรงจุดประกายการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชตามเกาะต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม โดยกองทัพเรือร่วมสนองพระราชดำริอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อปี 2541 ทั้งการจัดสร้างสวนพฤกษศาสตร์และเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนเกาะแสมสารเพื่อเป็นสื่อในการสร้างความรู้ความเข้าใจและจิตสำนึกแก่เยาวชนตามแนวทางพระราชดำริ และจัดตั้ง "พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย" ขึ้นบนฝั่งสัตหีบตรงข้ามเกาะแสมสาร โดยมีคณะนักวิชาการหลายสาขาและหลากหลายสถาบันร่วมทำงาน พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างมีลักษณะเป็นอาคารไต่ระดับเขาถึงยอดเขารวม 5 อาคาร โดยจัดแสดงวัตถุธรรมชาติ ทั้งในด้านธรณีวิทยา พฤกษศาสตร์ สัตวศาสตร์ ทางทะเลเป็นแห่งแรกในประเทศไทย การนำเสนอภายในถูกออกแบบไว้อย่างน่าสนใจ มีการสร้างบรรยากาศเสมือนจริง เช่น การจำลองบรรยากาศโลกเมื่อหลายล้านปีมาแล้ว มีสื่อและเทคโนโลยีทันสมัย ที่ผู้ชมจะสนุกพร้อมไปกับได้ความรู้ นอกจากนี้พิพิธภัณฑ์ยังจัดโปรแกรมการเข้าค่ายเรียนรู้ศึกษาธรรมชาติให้กับคณะนักเรียนที่สนใจด้วย นอกเหนือจากการชมตัวอย่างในพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทยแล้ว สามารถนั่งเรือข้ามไปยังเกาะแสมสารซึ่งได้จัดไว้เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติสวนพฤกษศาสตร์ บ่อศึกษาป่าชายเลย โดยมีเจ้าหน้าที่บรรยายให้ความรู้

จ. ชลบุรี