รายชื่อพิพิธภัณฑ์

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชาวนาไทย

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชาวนาไทย เดิมตั้งอยู่ที่ถนนพระพันวษา ตำบลท่าพี่เลี้ยง ต่อมาในปี พ.ศ. 2552 ได้ย้ายไปตั้งอยู่บริเวณศูนย์ราชการแห่งใหม่ริมถนนสายสุพรรณ - ชัยนาท (340) อยู่ห่างจากที่เดิมราว 4.5 กิโลเมตร อาคารจัดแสดงเป็นอาคารคอนกรีตออกแบบผสมผสานระหว่างเรือนไทยและยุ้งฉางของชาวนา เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการทำนา โดยไม่ได้จัดแสดงศิลปะโบราณวัตถุ ชั้นล่าง จัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของการทำนา เครื่องมือเครื่องใช้ในการทำนา ประเพณีวิถีชีวิตของชาวนา เรื่องราวของข้าวในอดีต และ ที่น่าสนใจ คือการพบภาชนะดินเผ่าที่บ้านบางปูน ตำบลพิหารแดง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งอาจเป็นหลักฐานพระราชพิธีแรกนาขวัญในสมัยอยุธยา ชั้นบน จัดแสดงพระราชจริยวัตรพระมหากษัตริย์ไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ค้ำชูชาวนาไทยทรงพัฒนาการทำนาและการเกษตรของชาติ มีการจัดแสดงภาพจำลองเหตุการณ์พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระบรมโอรสธิราชฯ เมื่อปี พ.ศ. 2529 ณ แปลงสาธิตบึงไผ่แขก ตำบลดอนโพธิ์ทอง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ทรงทำปุ๋ยหมัก หว่านและเก็บเกี่ยวข้าวด้วยพระองค์เอง และยังคงเก็บรักษาเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ที่พระองค์ทรงใช้ นอกจากนี้ชั้นล่างยังมี ห้องค้นคว้าข้อมูล สำหรับค้นคว้าข้อมูลทางวิชาการเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัตถุที่จัดแสดง

จ. สุพรรณบุรี

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเก่า

สืบเนื่องจากการที่ ดร.เอช อาร์ แวน เฮเกอเร็น (H.R.Van Heekeren) นักโบราณคดีชาวฮอลันดา ถูกจับเป็นเฉลยศึก และถูกเกณฑ์มาสร้างทางรถไฟสายมรณะในสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้พบเครื่องมือหินกะเทาะและขวานหินขัด ขณะทำงานอยู่บริเวณตำบลบ้านเก่า จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อสงครามสงบจึงได้นำเครื่องมือหินที่พบกลับไปศึกษาวิเคราะห์ที่พิพิธภัณฑ์พีบอดี สหรัฐอเมริกา จนนำไปสู่การสำรวจขุดค้นทางโบราณคดี โดยนักโบราณคดีไทยและต่างประเทศ ในพื้นที่บ้านเก่า เป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2499 หลังจากนั้นระหว่าง พ.ศ.2503- 2505 คณะสำรวจก่อนประวัติศาสตร์ โครงการความร่วมมือทางโบราณคดีระหว่างไทย- เดนมาร์ก ได้ทำการศึกษาขุดค้นทางโบราณคดีที่แหล่งโบราณคดีบ้านเก่า บริเวณที่ดินของนายลือ- นางบาง เหลืองแดง ริมแม่น้ำแควน้อย พบโบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์จำนวนมาก ต่อมากรมศิลปากร จึงได้จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเก่า ขึ้น ในปีพ.ศ. 2508 ใกล้กับบริเวณแหล่งขุดค้น พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ทำหน้าที่เก็บรวบรวมรักษา และจัดแสดงโบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่ได้จากการขุดค้นทางโบราณคดีที่แหล่งโบราณคดีบ้านเก่า และแหล่งโบราณคดีอื่นๆ ในจังหวัดกาญจนบุรี

จ. กาญจนบุรี

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครคีรี

พระนครคีรีหรือ เขาวัง เดิมเป็นพระราชวังในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งอยู่บนยอดเขา 3 ยอดติดต่อกัน ภายหลังรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็มิได้มีพระมหากษัตริย์เสด็จมาประทับที่พระนครคีรีอีก จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มีพระราชดำริ ให้บูรณะปฏิสังขรณ์ กรมศิลปากรจึงได้ประกาศขึ้นทะเบียนพระนครคีรีเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ ดำเนินการบูรณะอาคารหมู่พระที่นั่งต่างๆ และได้ประกาศจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครคีรี เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2522 เป็นพิพิธภัณฑ์ประเภทอนุสรณ์สถาน โดยได้นำเครื่องราชูปโภคทั้งหมดที่ได้รับมอบกลับคืนมาจากสำนักพระราชวัง และกระทรวงมหาดไทย นำมาขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุ อนุรักษ์และนำออกจัดแสดงภายในพระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ และพระที่นั่งปราโมทย์มไหสวรรย์

จ. เพชรบุรี

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ เป็นพิพิธภัณฑสถานประเภทโบราณคดีและประวัติศาสตร์โบราณวัตถุที่นำมาจัดแสดงส่วนใหญ่เป็นศิลปะสมัยทวาราวดี (พุทธศตวรรษที่ 12-16) ที่เก็บรวบรวมได้ในจังหวัดนครปฐม ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของนครปฐมในอดีต เริ่มตั้งแต่หลักฐานทางโบราณคดีที่พบในนครปฐม ซึ่งมีอายุเก่าไปถึงสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อราว 2,000-3,000 ปีล่วงมาแล้ว พัฒนาการของนครปฐมในยุคเริ่มแรกของสมัยประวัติศาสตร์ ซึ่งมีการติดต่อรับอารยธรรมจากอินเดีย และพัฒนาจนมีรูปแบบเป็นของตนเอง ในนามของ วัฒนธรรมแบบทวาราวดี นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึง ศาสนาและความเชื่อของคนทวาราวดีที่นครปฐม โดยวิเคราะห์จากโบราณวัตถุและโบราณสถานที่พบในจังหวัดนครปฐม เน้นที่ เจดีย์จุลประโทน ซึ่งเป็นเจดีย์สำคัญกลางเมืองนครปฐมโบราณ

จ. นครปฐม

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี จัดตั้งขึ้นตามโครงการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ประจำเมือง เมื่อ พ.ศ. 2538 เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านโบราณคดีประวัติศาสตร์ มานุษยวิทยา ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นของจังหวัดสุพรรณบุรี การจัดแสดงนิทรรศการถาวรของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี มีลักษณะของการผสมผสานระหว่างการจัดแสดงโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ กับสื่อจัดแสดงประเภทต่างๆ เช่น หุ่นจำลอง ระบบโสตทัศนูปกรณ์ ฯลฯ เพื่อให้ผู้เข้าชมได้รับทั้งความรู้ และความเพลิดเพลิน โดยแบ่งหัวข้อการจัดแสดงเป็นห้องต่างๆ อาคารพิพิธภัณฑ์เป็นทรงไทยประยุกต์ 2 ชั้น ภายในพิพิธภัณฑ์นำเสนอเรื่องราว วิถีชีวิต ของชาวจังหวัดสุพรรณบุรี นับตั้งแต่หลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่กล่าวถึงเมืองสุพรรณบุรีในอดีต หลักฐานที่แสดงถึงพัฒนาการของเมืองสุพรรณบุรี ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ทวาราวดี ลพบุรี อยุธยา และรัตนโกสินทร์ เหตุการณ์ยุทธหัตถี กลุ่มชนต่างๆที่อาศัยในจังหวัดสุพรรณบุรี ประวัติบุคคลสำคัญของจังหวัดสุพรรณบุรีในอดีต วรรณกรรมสำคัญของจังหวัดสุพรรณบุรี เพลงพื้นบ้านหรือเพลงลูกทุ่ง จนถึงสุพรรณบุรีในวันนี้

จ. สุพรรณบุรี

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง

อู่ทองเป็นเมืองโบราณสำคัญ ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี แห่งหนึ่ง พ.ศ. 2502 กรมศิลปากรได้จัดสร้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง ขึ้นเป็นอาคารชั่วคราวเพื่อเก็บรักษาโบราณวัตถุที่ได้จากการสำรวจและขุดค้น ทางโบราณคดีที่เมืองโบราณอู่ทอง ต่อมาเมื่อสำรวจขุดแต่งโบราณสถานเพิ่มเติม พบโบราณวัตถุสมัยทวารดีจำนวนมาก พ.ศ. 2508 - 2509 กรมศิลปากรได้จัดสร้างอาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง ขึ้นเป็นการถาวรเพื่อเก็บรักษาและจัดแสดงโบราณวัตถุที่ได้จากขุดค้นทางโบราณคดี พิพิธภัณฑ์มีอาคารจัดแสดง 3 หลัง อาคารที่ 1 จัดแสดงอารยธรรมเมืองอู่ทองสมัยอยุธยาก่อนประวัติศาสตร์ถึงสมัยประวัติศาสตร์วัฒนธรรมทวาราวดี อาคารที่ 2 จัดแสดงประวัติศาสตร์ เมืองอู่ทองในสมัยอยุธยา พุทธศตวรรษที่ 20-24 การบูรณะเจดีย์หมายเลข 1 ในสมัยพระเจ้าปราสาททอง แห่งกรุงศรีอยุธยา (พุทธศักราช 2173-2198) และอาคารที่ 3 เป็นสถาปัตยกรรมเรือนลาวโซ่ง จัดแสดงขนบธรรมเนียม ประเพณี เครื่องมือ เครื่องใช้ และการทอผ้า

จ. สุพรรณบุรี

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพและสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ได้ทรงรวบรวมโบราณวัตถุที่พบในจังหวัดลพบุรี และจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงโบราณวัตถุที่พระที่นั่งจันทรพิศาลภายในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ เปิดให้เข้าชมเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2467 และได้ประกาศเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ เมื่อ พ.ศ. 2504 นำเสนอเรื่องราวในหลายส่วน ได้แก่พระที่นั่งพิมานมงกุฎ เป็นอาคาร 3 ชั้น สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดแสดงเรื่องราวตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์แถบภาคกลางลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อประมาณ 3500-4000 ปีมาแล้ว โบราณวัตถุที่พบจากการขุดค้นที่แหล่งโบราณคดีในจังหวัดลพบุรี ตลอดจนอารยธรรมลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา หลักฐานทางประวัติศาสตร์ศิลปกรรมยุคสมัยต่างๆ พระที่นั่งจันทรพิศาล เป็นท้องพระโรงสำหรับประชุมเสนาบดีในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ปัจจุบันจัดแสดงประวัติศาสตร์สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช หมู่ตึกพระประเทียบ เป็นหมู่อาคารในเขตพระราชฐานชั้นในรัชสมัยสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีทั้งหมด 8 หลัง ใช้จัดแสดงนิทรรศการถาวร 2 เรื่อง คือ 1. ชีวิตไทยภาคกลาง 2. หนังใหญ่ของจังหวัดลพบุรี ที่ได้มาจากวัดตะเคียน ตำบลท้ายตลาด และวัดสำราญ ตำบลโพธิ์เก้าต้น

จ. ลพบุรี

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป หรือที่เรียกอีกชื่อว่า หอศิลปเจ้าฟ้า ในอดีตเป็นสถานที่ตั้งพระตำหนักของเจ้านายฝ่ายวังหน้า ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รื้อถอนและสร้างเป็นโรงงานผลิตเหรียญกษาปณ์นาม “โรงกษาปณ์สิทธิการ” สร้างขึ้นตามลักษณะทางสถาปัตยกรรมตะวันตกโดย โดยได้แรงบันดาลใจจากโรงงานเครื่องจักรที่เมืองเบอร์มิ่งแฮม ประเทศอังกฤษ อาคารหลักด้านหน้าเป็นทรงปั้นหยา สูงสองชั้น หลังคามุงกระเบื้องว่าว สองข้างอาคารหลักต่อเป็นปีกทอดยาว เป็นอาคารชั้นเดียวหักมุมฉากสี่ด้านบรรจบกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเชื่อมต่อกัน จนถึง พ.ศ. 2511 กรมธนารักษ์ได้ย้ายไปสร้างโรงงานใหม่ โรงงานกษาปณ์สิทธิการจึงร้างลงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในวาระครบรอบ 100 ปี การพิพิธภัณฑ์ไทย (พ.ศ.2517) กรมศิลปากร ได้ริเริ่มโครงการจัดตั้ง พิพิธภัณฑสถานประเภทศิลปะสมัยใหม่ จึงได้เสนอขอใช้โรงกษาปณ์สิทธิการ เพื่อจัดตั้งเป็น “หอศิลปแห่งชาติ” โดยมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อเป็นสถานที่เก็บรวบรวมและจัดแสดงผลงานศิลปกรรมประเภททัศนศิลป์ ของศิลปินผู้มีชื่อเสียงทั้งชาวไทยชาวต่างประเทศ ตลอดจนเป็นศูนย์ศึกษาวิจัยและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับศิลปกรรมทั้งแบบไทยประเพณีและร่วมสมัย เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2520

จ. กรุงเทพมหานคร