รายชื่อพิพิธภัณฑ์

ศูนย์วัฒนธรรมภูมิปัญญาชาวบ้าน โรงเรียนวัดแม่แพะ

ศูนย์วัฒนธรรมภูมิปัญญาชาวบ้าน โรงเรียนวัดแม่แพะ สร้างขึ้นราวพ.ศ. 2539 เนื่องจากรื้อบ้านพักครู แล้วมีไม้เหลือมาก จึงนำมาจัดสร้างอาคารศูนย์วัฒนธรรมแห่งนี้ โดยใช้งบคณะกรรมการโรงเรียน ชาวบ้าน คณะครูและผู้มีจิตศรัทธาบริจาครวมกัน แรงงานที่ใช้ในการก่อสร้างเป็นแรงงานช่วยเหลือจากชาวบ้าน ลักษณะอาคารเป็นอาคาร 2 ชั้น ชั้นล่างก่ออิฐถือปูนชั้นบนเป็นไม้ ชั้นล่างทำเป็นห้องสมุด ชั้นบนเป็นห้องจัดแสดง 3 ห้อง แต่เดิมเมื่อแรกเปิดมีของบริจาคมาก แต่ปัจจุบันเจ้าของเอากลับไปเพราะของเก่ามีราคามากขึ้น ปัจจุบันของที่จัดแสดงจึงน้อยลง อาทิ มงคลช้างทำด้วยหวายเส้นยาว หลาวสำหรับหามฟ่อนข้าวที่เกี่ยวแล้ว หีดอ้อย และอุปกรณ์ทำนา เป็นต้น นอกจากนี้ยังจัดนิทรรศการรูปภาพในห้องด้านทิศใต้ แสดงภาพเขียนฝีมือนักเรียน เช่น ภาพในทศชาติ ห้องกลางเป็นนิทรรศการภาพเกี่ยวกับประวัติและกิจกรรมของโรงเรียน

จ. เชียงใหม่

ศูนย์สืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นสะเมิง ร.ร.สะเมิงพิทยาคม

ศูนย์สืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นสะเมิง โรงเรียนสะเมิงพิทยาคม ก่อสร้างขึ้นด้วยงบสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ สมทบกับสุขาภิบาลสะเมิงใต้ โดยมอบให้นางประนอม เชื้อศักดาหงษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสะเมิงพิทยาคม จัดสร้างอาคารศูนย์สืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นสะเมิงขึ้น แล้วเสร็จในปี 2538 เป็นอาคารใต้ถุนสูง ปัจจุบันใช้เป็นที่พักของอาจารย์หมวดสังคมและใช้สอนวิชาพระพุทธศาสนา ส่วนที่จัดแสดงข้าวของต่าง ๆ จัดแสดงไว้ในอาคารชั่วคราวเป็นอาคารชั้นเดียว ปลูกสร้างอยู่ข้างอาคารศูนย์สืบสาน วัตถุที่จัดแสดงได้แก่ เครื่องเขินโบราณ เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันในสมัยก่อน เช่น เคียวเกี่ยวข้าว ฮอกแขวนขอวัว ควาย เครื่องวัวต่างๆ เช่น หลาบหมอน อุปกรณ์ทอผ้า เครื่องดนตรี อุปกรณ์ทำนา เครื่องมือจับสัตว์ สุ่มปลาไหล ข้าวของพื้นบ้านส่วนหนึ่งที่ได้รับบริจาคจากผู้ปกครอง นักเรียน และประชาชนในชุมชน

จ. เชียงใหม่

กุฏิสงฆ์ล้านนาญาณสังวราราม วัดศรีดอนมูล

กุฏิสงฆ์ล้านนาญาณสังวราราม สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2532 แล้วเสร็จในปี พ.ศ.2539 ด้วยความคิดที่พระครูสิริศีลสังวร (ครูบาน้อย) ต้องการสืบสานงานศิลปะฝีมือช่างล้านนาเอาไว้ในงานสถาปัตยกรรมและลวดลายไม้แกะสลักประดับประดาสถาปัตยกรรมแบบล้านนา โดยพระครูได้คัดเลือกช่างพื้นบ้านฝีมือดีมาก่อสร้าง อาคารหลังนี้สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลังโดยใช้เสาไม้สักกลมต้นใหญ่ถึง 72 ต้น พื้นที่ตรงกลาง เป็นศาลารับแขกและผู้มานมัสการ จัดตั้งพระประธานขนาดใหญ่ ด้านข้างศาลายกระดับสูงกว่าชานเชื่อมทางในระดับเสมอกับพื้นที่ตรงกลาง ใช้เป็นที่นั่งรับแขกญาติโยมในเวลาปกติของครูบาทั้งสองท่าน พื้นเรือนที่เชื่อมด้านหลังส่วนที่เชื่อมกับห้องที่พักของพระ จัดตั้งตู้แสดงวัตถุจำนวน 7 ตู้ เป็นตู้ไม้ที่ออกแบบให้เข้ากับอาคารและพื้นที่ในการจัดแสดง ข้าวของส่วนใหญ่ได้จากการบริจาค ของที่มีมากจัดแสดงรวมไว้ในตู้เดียวกัน เช่น ตะเกียงโบราณ ถ้วยชามเขียนสี เงินตราธนบัตรและเหรียญ คัมภีร์ใบลาน เครื่องถ้วยลายคราม น้ำเงิน- ขาว ศิลปวัตถุที่มีอย่างละ 2 ชิ้น จัดแสดงรวมไว้ในตู้เดียวกัน เช่น ขันทองเหลือง เครื่องเขิน พานเงินขันเงิน ดินเผารูปมอม สิงห์ แผงพระพิมพ์ อ่างบัวเคลือบ ผ้าห่อคัมภีร์ ผ้าม่านโบราณ และเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นเก่า เป็นต้น ส่วนใต้ถุนศาลาทำตู้ไม้ติดกระจกล้อมเสาใหญ่ ใช้เป็นที่จัดแสดง เครื่องใช้พื้นบ้าน เช่น เครื่องมือทอผ้า เครื่องปั้นดินเผา กระเบื้องมุงหลังคาแบบเก่า เครื่องมือทำนา ส่วนวัตถุขนาดใหญ่เช่น แอก คราด จัดวางภายนอกตู้

จ. เชียงใหม่

พิพิธภัณฑ์วัดพญาชมภู

วัดพญาชมภูเป็นวัดเก่าแก่มีประวัติเล่าสืบต่อกันมาว่าพญาชมภู เป็นทหารมีบรรดาศักดิ์ได้พาครอบครัวมาตั้งถิ่นฐานในบริเวณบ้านชมพูและได้พบวัดเก่าซึ่งร้างเหลือแต่พระพุทธรูปปางมารวิชัยที่ประดิษฐานในพระวิหาร จึงได้สร้างวัดขึ้นใหม่ในราว พ.ศ.2500 โดยสร้างวิหารครอบองค์พระพุทธรูปและได้ให้ขุนดวงจันทร์ อุปสมบทเป็นครูบาดวงจันทร์เป็นเจ้าอาวาสองค์แรก นับแต่นั้นมาวัดก็เป็นศูนย์กลางของชาวบ้านและมีศิลปวัตถุ โบราณวัตถุต่างๆ ของวัดเก็บรักษาตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน ของใช้เก่าของวัดจัดแสดงไว้ในศาลาบุญมีส่วนหนึ่ง เช่น พวกหีบภาพ เครื่องอุโบสถหลังเก่า มีช่อฟ้า บั้นลม ขันโตก เชิงเทียน ที่ทำจากเขาควายที่แสดงถึงภูมิปัญญาชาวบ้านที่ประยุกต์ใช้ของที่มีอยู่แล้วให้เป็นประโยชน์ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปไม้ศิลปะล้านนาที่สวยงาม ของอีกส่วนหนึ่งจัดแสดงไว้ที่กุฏิเจ้าอาวาส ศิลปกรรมอีกชิ้นที่สวยงามมากคือ ปราสาทธรรมมาสน์ไม้ 8 เหลี่ยม กรมศิลปากร (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ 4 เชียงใหม่) ขอยืมไปจัดแสดง

จ. เชียงใหม่

พิพิธภัณฑ์หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง

พิพิธภัณฑ์หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง ริเริ่มศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่แหวน ที่ได้บริจาคค่าก่อสร้าง โดยตั้งใจสร้างเป็นมณฑปไว้อัฐบริขารของหลวงปู่แหวน รวมทั้งรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งของท่าน ส่วนอื่นๆของอาคารได้ใช้เงินของวัดสร้างขึ้นจนสำเร็จสมบูรณ์ เปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ในปี พ.ศ.2529 เป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่แหวน สุจิณโณ อาคารพิพิธภัณฑ์เป็นศาลารูปดาวสี่แฉก หลังคาซ้อนทรงชัน ปูพื้นด้วยหินอ่อนสีเทาทั้งหลัง ภายในผนังส่วนคอสองแผงใหญ่ทั้ง 4 ด้าน ประดับด้วยภาพนูนต่ำดินเผา เล่าเรื่องราวของหลวงปู่แหวน เช่น ตอนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถเสด็จเยี่ยมหลวงปู่แหวน การรักษาหลวงปู่แหวนโดยหลวงตาหนู เป็นต้น ศาลานี้มีผนังและซุ้มทางเข้า 4 ซุ้ม แต่ละซุ้มทำเป็นตู้กระจกบานเลื่อน ภายในจัดแสดงอัฐบริขารที่หลวงปู่เคยใช้สอยเป็นประจำ เช่น ย่าม จีวร หม้อกรองน้ำ ซุ้มกระจกด้านทิศเหนือ ประดิษฐานรูปปั้นรูปเหมือนหลวงปู่แหวนในท่านั่งสมาธิ ซุ้มกระจกด้านตะวันออก จัดแสดงชามศิลาดลเคลือบเขียวไข่กาใบสมบูรณ์ และกระปุกทรงคนโทเคลือบสีน้ำตาลเข้มเกือบดำอีกใบ ซึ่งหลวงตาหนูเคยเล่าว่า ขุดได้เมื่อกำลังขุดฐานรากของอาคาร ภายในวัดดอยแม่ปั๋งนี่เอง ตรงกลางอาคารสร้างมณฑปหินอ่อน ทรงคล้ายโกฏิ เป็นที่ประดิษฐานอัฐิของหลวงปู่แหวน จัดวางแท่นบูชาพุ่มพานดอกไม้โดยรอบ

จ. เชียงใหม่

พิพิธภัณฑ์ภาพเก่าเมืองพร้าวในอดีต วัดกลางเวียง

เจ้าอาวาสวัดกลางเวียง รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ต้องการจัดทำประวัติเมืองพร้าว โดยการรวบรวมรูปถ่ายศึกษาประวัติ จัดทำคำบรรยายโดยคณะกรรมการ ซึ่งมีพระวิมลญาณมุณี เป็นประธานและพ.ต.ท.อนุ เนินหาด และบุคลากรในอำเภอเป็นคณะกรรมการจำนวน 12 ท่าน คณะกรรมการได้รวบรวมภาพเก่าในอดีตที่เกี่ยวข้องกับบุคคลเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม สถานที่ และชุมชนในอดีตของเมืองพร้าว นำมาจัดทำใหม่ ใส่กรอบไม้อัดพลาสติก เขียนรายละเอียดคำบรรยายใต้ภาพ และจัดแสดงไว้ที่อาคารเรียนพระปริยัติธรรม เพื่อให้เข้าใจความเป็นมา ทำให้เกิดความรักในท้องถิ่นทั้งจะได้ร่วมพัฒนาท้องถิ่นให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป

จ. เชียงใหม่

พิพิธภัณฑ์บ้านแฮรีส ร.ร.ปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย

เรือนแฮริส สร้างเมื่อปี พ.ศ.2448 เดิมเป็นบ้านพักและอาคารอำนวยการของศาสนจารย์วิลเลียม แฮรีส ต่อมาได้ใช้เป็นอาคารดนตรี และห้องซ้อมดุริยางค์ จนกระทั่งพ.ศ. 2523 เกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้เสียหายจนหมด ต่อมาโรงเรียนได้ก่อสร้างบ้านแฮรีสขึ้นใหม่ในบริเวณที่ตั้งเก่า โดยอนุรักษ์สถาปัตยกรรมแบบเดิมไว้ทุกประการ และได้ทำพิธีเปิดบ้านหลังใหม่นี้เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2536 อาคารหลังนี้ได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยาม ในปี พ.ศ.2539 ปี 2540 ทางโรงเรียนดำริจะก่อตั้งพิพิธภัณฑ์โรงเรียนขึ้น เพื่อเป็นสื่อการเรียนรู้ของนักเรียน หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่โดดเด่นของบ้านแฮรีสคือ ภาพเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ที่มีถึง 500 ภาพ รวมทั้งบันทึกประจำวันที่มิชชันนารีรุ่นก่อนได้เก็บรักษาเอาไว้ จนเป็นข้อมูลที่สำคัญให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา

จ. เชียงใหม่

พิพิธภัณฑ์วัดท่ากาน

วัดท่ากานตั้งอยู่เกือบใจกลางเวียงท่ากาน ซึ่งเป็นชุมชนโบราณตามประวัติในเอกสารว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอาทิตยราชแห่งเมืองหริภุญไชย (ลำพูน) ราวพุทธศตวรรษที่ 13 มีหลักฐานบ่งชี้เช่น โบราณสถานและพระพุทธรูปทรงเครื่องโลหะ พระพิมพ์พระแผง ศิลปะสมัยหริภุญไชย ศิลปกรรมสำคัญที่ทางวัดเก็บไว้ได้จากการขุดปรับสภาพที่วัดร้างข้างวัดท่ากาน ศิลปวัตถุที่สำคัญได้แก่ โถลายครามขนาดสูง 38 ซม. เส้นผ่าศูนย์กลางโถประมาณ 32 ซม. มีหูเล็กๆเป็นรูปมังกร เป็นศิลปะจีนสมัยราชวงศ์หยวนตอนปลาย ซึ่งปรากฏอยู่เพียงไม่กี่ใบในโลก พระพุทธรูปทองคำดุนนูน ศิลปะสกุลช่างหริภุญไชยที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะศรีวิชัยและลพบุรี พระพุทธรูปดุนนูนสำริดเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องมีเศียรเป็นรูปใบไม้หรือขนนก พระบัวเข็มเนื้อมุกปิดทอง สำหรับศิลปวัตถุสำคัญที่กล่าวมาข้างต้นทางวัดได้จัดเก็บไว้ในหีบไม้ ขนาด 60 x 60 นิ้ว บรรจุในกรงเหล็ก 2 ชั้น ใส่กุญแจแต่ละชั้นเก็บไว้ที่ห้องข้างกุฏิเจ้าอาวาส มีกุญแจถือไว้โดยกรรมการวัด 26 คน เป็นการเก็บอย่างรอบคอบระวัดระวังมากเพราะเป็นศิลปวัตถุมีค่ามาก การเก็บโบราณวัตถุอื่นๆเช่น ใบลาน 200 - 300 ผูก ไม้แกะสลัก หีบธรรม เก็บไว้ในวิหาร ต้องการเข้าชมโปรดทำหนังสือแจ้งขอเข้าชม

จ. เชียงใหม่